SPRC รายงานขาดทุนสุทธิ 2.2 พันลบ. ใน 3Q67 เทียบกับกำไรสุทธิ 346 ลบ. ใน 2Q67 แย่กว่าที่ consensus คาดการณ์ไว้ว่าจะมีขาดทุนสุทธิ 1.7 พันลบ. และ INVX คาดการณ์ไว้ว่าจะมีขาดทุนสุทธิ 2.03 พันลบ. โดยมีสาเหตุมาจากการบันทึกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจำนวนมากที่ US$4.41/bbl และขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงคลังให้เป็นมูลค่าสุทธิที่จะได้รับที่ US$1.32/bbl แม้ว่าค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้น QoQ ก็ตาม กำไรสุทธิ 9M67 อยู่ที่ 2.1 พันลบ. ลดลง 38% YoY และคิดเป็น 43% ของประมาณการกำไรปี 2567
เมื่อพิจารณาจากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นเมื่อไม่นานนี้ และไม่มีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจำนวนมาก เราเชื่อว่า SPRC จะสามารถทำกำไรได้ถึงระดับที่เราคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม เราปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 8.5 บาท เป็น 7.9 บาท โดยอิงกับ PBV (ปี 2568) ที่ 0.8 เท่า หรือเท่ากับระดับ -1.5SD ของ PBV เฉลี่ย 5 ปี และคิดเป็น EV/EBITDA ที่ 4.5 เท่า เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ SPRC เนื่องจากเรามองว่า crack spread ของน้ำมันเบนซินที่อ่อนแอจะทำให้นักลงทุนยังไม่สนใจเข้าลงทุนใน SPRC
ปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นทรงตัว QoQ ท่ามกลางค่าการกลั่นระดับต่ำ ปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นของ SPRC อยู่ในระดับทรงตัว QoQ ที่ 157.4kbd ใน 3Q67 แต่เพิ่มขึ้น 13% YoY ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อรักษาต้นทุนการดำเนินงานต่อหน่วยไว้ท่ามกลางสภาวะค่าการกลั่นต่ำ ทั้งนี้ค่าการกลั่นที่อ่อนแอ โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินใน 3Q67 ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนแผนกลั่นน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นใน 3Q67 หลังจากเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยแตกโมเลกุลด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (RFCCU) ในช่วงที่มีการปิดซ่อมบำรุงใน 2Q67 นอกจากนี้ SPRC ยังรายงานปริมาณการขายของธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมลดลง 2% QoQ ด้วย หลักๆ เกิดจากการขายส่งให้กับคู่ค้า แม้เพิ่มขึ้น 36% YoY จากเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ใหญ่ขึ้น
ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจาก SPM กลับมาเปิดใช้งาน ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น 80% QoQ สู่ US$4.24/bbl จากการกลับมาเปิดใช้งานทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล (SPM) ซึ่งหนุนให้ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น US$1-1.5/bbl อย่างไรก็ดี ค่าการกลั่นลดลง 49% YoY เนื่องจาก crack spread ของน้ำมันเบนซินลดลง เมื่อรวมกับขาดทุนสต๊อกน้ำมันที่ US$5.79/bbl รวมถึงการปรับลดมูลค่าสินค้าคงคลัง ค่าการกลั่นจึงปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ -US$1.55/bbl เทียบกับ +US$3.77/bbl ใน 2Q67 และ +US$16.35/bbl ใน 3Q66
กำไร 4Q67 จะฟื้นตัว QoQ เพราะค่าการกลั่นสูงขึ้น เราคาดว่า GRM ที่แข็งแกร่งขึ้นและราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกำไรใน 4Q67 ประกอบกับการกลับมาเปิดใช้ทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล (SPM) สำหรับขนถ่ายน้ำมันดิบ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งปรับลดลงและมาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับขึ้นมาแล้ว 20% QoQ สู่ US$4.3/bbl ใน 4Q67TD
ปรับราคาเป้าหมายลดลงสู่ 7.90 บาท อ้างอิง PBV (ปี 2568) ที่ 0.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีเล็กน้อย โดยคิดเป็น EV/EBITDA (ปี 2568) ที่ 4.5 เท่า แม้ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนถึง PBV (ปี 2568) เพียง 0.6 เท่า หรือ -2.3SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี แต่เราเชื่อว่า crack spread น้ำมันเบนซินที่อ่อนแอจะทำให้นักลงทุนยังไม่สนใจเข้าลงทุนใน SPRC เนื่องจากผลิตภัณฑ์ชนิดเบา (น้ำมันเบนซินและแนฟทา) คิดเป็นสัดส่วน >30% ของผลผลิตทั้งหมดของ SPRC เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 23%
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของ SPRC ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อ market GRM ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลทำให้ขาดทุนสต๊อกเพิ่มขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศ ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด