เราคาดว่ากำไร 1Q67 ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ภายใต้การวิเคราะห์ของเราจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ แต่จะเพิ่มขึ้น YoY เราคาดว่าผลประกอบการ 1Q67 จะสะท้อน: 1) credit cost ที่ลดลง QoQ 2) NIM ที่ลดลง และ 3) การเติบโตของสินเชื่อที่ดี เรายังคงเลือก TIDLOR เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ เนื่องจากกำไรปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัวแข็งแกร่งที่สุด และ valuation น่าสนใจ MTC: คาดกำไรทรงตัว QoQ, เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY เราคาดว่ากำไรจะลดลง 2% QoQ (opex สูงขึ้น) แต่จะเพิ่มขึ้น 24% YoY (NII สูงขึ้น) สู่ 1.33 พันลบ. ใน 1Q67 เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตดีอย่างต่อเนื่องที่ 4% QoQ และ 18% YoY ขณะที่คาดว่าต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบทำให้ NIM ปรับตัวลดลง 25 bps QoQ (-30 bps YoY) เราคาดว่า credit cost จะลดลง 13 bps QoQ (+3 bps YoY) สู่ 3.54% ใน 1Q67 NPL น่าจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ ใน 1Q67 เนื่องจากจะมีการตัดหนี้สูญจำนวนมากและขาย NPL อย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะเพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาล (แต่ลดลง YoY) TIDLOR: คาดกำไรเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เราคาดการณ์กำไร 1Q67 ที่ 1.03 พันลบ. เพิ่มขึ้น 14% QoQ (ECL และ opex ลดลง) และ 7% YoY (NII และ non-NII เพิ่มขึ้น) เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มฯ การเร่งตัดหนี้สูญน้อยลงน่าจะทำให้ credit cost ปรับตัวลดลง 84 bps QoQ (+30 bps YoY) สู่ 3.44% ใน 1Q67 สินเชื่อน่าจะเติบโต 2% QoQ และ 20% YoY หลักๆ เกิดจากสินเชื่อทะเบียนจำนำทะเบียนรถยนต์ ตามมาด้วยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ในขณะที่บริษัทใช้นโยบายปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกที่เข้มงวดมากขึ้น NIM น่าจะลดลง 13 bps QoQ โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น non-NII น่าจะลดลง 11% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 18% YoY หลักๆ ได้แรงหนุนจากรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้น่าจะลดลง QoQ ตามฤดูกาล แต่จะเพิ่มขึ้น YoY (เกิดจากค่าใช้จ่ายการตลาดในการรีแบรนด์ธุรกิจนายหน้าประกันภัย และการเปิดสาขาเพิ่ม 30 สาขา) SAWAD: คาดกำไรทรงตัว QoQ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY เราคาดว่ากำไรจะลดลง 1% QoQ แต่จะเพิ่มขึ้น 5% YoY สู่ 1.26 พันลบ. ใน 1Q67 เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 4% QoQ และ 57% YoY ใน 1Q67 โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ขณะที่คาดว่า NIM จะลดลง 5 bps QoQ เนื่องจากคาดว่าผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจะถูกลดทอนลงโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ เราคาดว่า credit cost ใน 1Q67 จะยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับจุดสูงสุดใน 4Q66 ที่ 2.8% (+143 bps YoY) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้น่าจะลดลงเล็กน้อย QoQ (แต่จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY) เพราะขาดทุนจากรถยึดจะลดลง ยังคงเลือก TIDLOR เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ เราคาดว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจไมโครไฟแนนซ์จะยังคงได้รับแรงกดดันจากคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลง (แม้ NPL เกิดใหม่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว) และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น พร้อมกับการเติบโตของสินเชื่อที่ดีแต่ชะลอตัวลง เรายังคงเลือก TIDLOR เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มฯ เนื่องจากคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวแข็งแกร่งที่สุดที่ 23% (การเติบโตของ EPS ที่ 19%) พร้อมกับ valuation ที่น่าสนใจที่ PE 13 เท่า ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน credit cost จากราคารถมือสองที่ลดลง 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารต่างๆ และ 4) ความเสี่ยง ESG จาก market conduct และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ |
|||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก FINANCE240503_T
|