PDF Available  
บทวิเคราะห์รายอุตสาหกรรม

พาณิชย์ - คาดมาตรการกระตุ้นศก. ช่วยให้ sentiment ปรับตัวดีขึ้น

By ศิริมา ดิสสรา, CFA|10 Oct 25 8:11 AM
สรุปสาระสำคัญ

เราเชื่อว่า SSS ของกลุ่มพาณิชย์น่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้วที่ -4.4% YoY ใน 2Q68 จากนั้นจะปรับตัวดีขึ้นดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ -2.1% YoY ใน 3Q68 จากสภาพอากาศที่กลับคืนสู่ภาวะปกติเมื่อเทียบกับปีก่อน (เทียบกับ 2Q68 ที่มีฝนตกหนักกว่าปีก่อน) และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอีกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาใหม่ (การเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตราการคนละครึ่งพลัส) ใน 4Q68 การพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ของรัฐบาล (หากมี) เช่น โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือมาตรการลดหย่อนภาษีค่าซื้อสินค้าและบริการจะช่วยหนุน sentiment ตลาดปรับตัวดีขึ้น และทำให้หุ้นในกลุ่มพาณิชย์โดยรวมดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หุ้นเด่นของเราคือ CPALL HMPRO และ BJC

เราเชื่อว่า SSS ของกลุ่มพาณิชย์น่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้วที่ -4.4% YoY ใน 2Q68 จากนั้นจะปรับตัวดีขึ้นดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ -2.1% YoY ใน 3Q68 จากสภาพอากาศที่กลับคืนสู่ภาวะปกติเมื่อเทียบกับปีก่อน (เทียบกับ 2Q68 ที่มีฝนตกหนักกว่าปีก่อน) และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอีกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาใหม่ (การเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการคนละครึ่งพลัส) ใน 4Q68 การพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ของรัฐบาล (หากมี) เช่น โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือมาตรการลดหย่อนภาษีค่าซื้อสินค้าและบริการจะช่วยหนุน sentiment ตลาดปรับตัวดีขึ้นต่อ และทำให้หุ้นในกลุ่มพาณิชย์โดยรวมดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หุ้นเด่นของเราคือ CPALL HMPRO และ BJC

 

SSS ใน 3Q68 ใน 3Q68 เราประเมินว่า SSS ของกลุ่มพาณิชย์จะหดตัวลง 2.1% YoY จากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ซบเซาและกำลังซื้อที่อ่อนแอต่อเนื่อง รายได้เกษตรกรที่ลดลง และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง ตัวเลข SSS ใน 3Q68 น่าจะออกมาดีกว่า 2Q68 ที่ -4.4% YoY เนื่องจากสภาพอากาศกลับสู่ภาวะปกติเมื่อเทียบกับปีก่อน (เทียบกับ 2Q68 ที่มีฝนตกหนักกว่าปีก่อน)

เมื่อแบ่งตามประเภทสินค้า SSS ของกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยน่าจะลดลง 3.3% YoY ซึ่งถือว่าดีขึ้นอย่างมากจาก -8.4% YoY ใน 2Q68 หลักๆ เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่กลับสู่ภาวะปกติซึ่งช่วยหนุนให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่ม hardline ปรับตัวดีขึ้น SSS ในกลุ่มสินค้าจำเป็นน่าจะลดลง 1.7% YoY ดีขึ้นเล็กน้อยจาก -1.8% YoY ใน 2Q68 สภาพอากาศที่เป็นปกติช่วยหนุนยอดขายเครื่องดื่ม ซึ่งสามารถชดเชยผลกระทบเชิงลบบางส่วนจากฐานสูงในปีก่อนของยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร (เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก) ซึ่งได้รับอานิสงส์จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (เฟส 1) ในช่วงวันที่ 25-30 ก.ย. 2567 โดยเฉพาะในไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ตในต่างจังหวัด เช่น บิ๊กซี และ โลตัส

 

คาด SSS ดีขึ้นใน 4Q68 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล โครงการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (มูลค่า 2.28 หมื่นลบ.) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.4 ล้านคนในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. โดยผู้ถือบัตรจะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมเดือนละ 850 บาท (รวม 1,700 บาทใน 2 เดือน) นอกเหนือจากเงินช่วยเหลือปกติเดือนละ 300 บาท รวมเป็น 1,150 บาทต่อเดือน หรือ 2,300 บาทในช่วง 2 เดือนดังกล่าว โครงการคนละครึ่งพลัส (มูลค่า 4.4 หมื่นลบ.) ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชน 20 ล้านคน (ไม่รวมผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงิน 2,400 บาท (รัฐช่วยจ่าย 60% ประชาชนจ่าย 40%) หรือ 2,000 บาท (รัฐช่วยจ่าย 50% ประชาชนจ่าย 50%) ขึ้นอยู่กับสถานะผู้เสียภาษี โดยมีวงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 200 บาทต่อวัน โครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2568

เนื่องจากมีเพียงร้านค้าขนาดเล็กที่เข้าร่วมโครงการได้ (ไม่รวมร้านค้าปลีกสมัยใหม่) เราคาดว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงคือ CPAXT ผ่านธุรกิจค้าส่ง (B2B), CRC ผ่านธุรกิจ Go Wholesale (3% ของยอดขาย) และ BJC ผ่านร้านโดนใจ (ร้านโชห่วยสมัยใหม่, 2% ของยอดขาย) ส่วนทางอ้อมนั้น ผู้ประกอบการค้าปลีกทุกรายน่าจะได้รับประโยชน์จากกำลังซื้อที่ปรับตัวดีขึ้นจากเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบมากขึ้น โดยเฉพาะในเศรษฐกิจฐานราก และบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นตลอดระยะเวลาของโครงการ ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยหนุนให้ SSS ของกลุ่มพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องใน 4Q68

 

หุ้นเด่น: CPALL HMPRO และ BJC การกลับมาพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศอีกครั้งในช่วงปลายปี 2568 (การเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการคนละครึ่งพลัส) ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โครงการของรัฐบาลชุดก่อน (ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2 และมาตรการลดหย่อนภาษีค่าซื้อสินค้าและบริการ) ที่ประกาศใช้ในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นในกลุ่มพาณิชย์โดยรวมดูน่าสนใจมากขึ้น การพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ของรัฐบาล (หากมี) เช่น โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือมาตรการลดหย่อนภาษีค่าซื้อสินค้าและบริการจะช่วยหนุน sentiment ตลาดปรับตัวดีขึ้นต่อ ทั้งนี้ หลังจากหุ้นบางตัวราคาทยอยปรับตัวขึ้นมาแล้ว เราแนะนำให้เน้นลงทุนในหุ้นที่ยังคงซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (CPALL, HMPRO, BJC) เพื่อลดความเสี่ยงขาลงและยังคงมีโอกาสได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ในแง่ของกำไรปกติ CPALL จะเป็นเพียงบริษัทเดียวในกลุ่มพาณิชย์ที่กำไรจะเติบโต YoY ใน 3Q68 จาก SSS ของธุรกิจ CVS ที่แข็งแกร่งและมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในนโยบายรัฐบาลและกำลังซื้อ ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และการบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน และความปลอดภัยของข้อมูล (S)

 

 

Stimulus is back and so is sentiment

 

SSS is believed to have touched this year’s bottom at -4.4% YoY in 2Q25, inching up to -2.1% YoY in 3Q25 as weather patterns returned to normal YoY (vs heavier rains YoY in 2Q25) and looks to improve further from new stimulus (a state welfare card top-up and Khon La Khrueng Plus) in 4Q25. Any new government stimulus, such as tourism promotional campaigns or shopping tax breaks, will further lift sentiment and brighten the sector across the board. Our picks are CPALL, HMPRO and BJC.

 

SSS in 3Q25F. In 3Q25F, sector SSS is believed to have contracted 2.1% YoY from continued fragile consumption sentiment and weak purchasing power, lower farm income and fewer tourists. SSS numbers are set to be better than 2Q25’s -4.4% YoY, with weather patterns returning to normal YoY (vs heavier rains YoY in 2Q25).

 

By segment, SSS for discretionary items is expected to drop 3.3% YoY, sharply better than 2Q25’s -8.4% YoY, on more normal weather that brought better sales for electrical appliances in the hardline unit. SSS in staples is expected to contract 1.7% YoY, a small improvement from -1.8% YoY in 2Q25. Normal weather conditions helped boost beverage sales, partially offsetting last year’s high base from non-food sales (e.g., small appliances) which were aided by the digital wallet scheme (phase 1) in September 25–30, 2024, notably in hypermarkets and supermarkets upcountry, such as Big C and Lotus’s.

 

Better SSS in 4Q25F from new government stimulus. A state welfare card top-up (budgeted at Bt22.8bn) will help ease cost of living for 13.4mn low-income cardholders in Nov-Dec. This top-op will give each eligible recipient Bt850 per month for two months in addition to the Bt300 monthly allowance they already get, giving recipients Bt1,150 per month or Bt2,300 for two months. The Khon La Khrueng Plus program (budgeted at Bt44bn) is targeted to support 20mn Thai citizens (excluding state welfare cardholders). Participants receive either Bt2,400 (60:40 co-payment) or Bt2,000 (50:50 co-payment) depending on their taxpayer status, with a daily spending cap of Bt200. The program runs from Oct 29 to Dec 31.

Since modern trade retailers are excluded and only small shops are eligible to participate in these programs, we expect a direct benefit for CPAXT through its B2B unit, CRC via its Go Wholesale segment (3% of sales) and BJC through its Donjai stores (modernized mom-and-pop shops, 2% of sales). Indirectly, all retailers are likely to gain from improved purchasing power on higher money circulation, particularly for the grassroots segment, and better consumer sentiment throughout the program period. These will support further improvement in sector SSS in 4Q25F.

 

Top picks: CPALL, HMPRO, BJC. The renewed discussion about stimulus measures (a state welfare card top-up and Khon La Khrueng Plus) to boost local consumption, the first since the previous government’s digital wallet phase 2 and the shopping tax break in early 2025, will brighten the sector across the board. Any new government stimulus, such as tourism promotional campaigns or shopping tax breaks, will further lift sentiment. While some players have already seen solid gains, we suggest focusing on those still trading at a discount to the sector average (CPALL, HMPRO, BJC) to mitigate downside risks while capturing potential upside from new stimulus. In terms of core earnings, CPALL will be only the sector player showing growth YoY in 3Q25F, backed by its resilient CVS SSS and wider margin.

 

Key risks are changes in government policies and purchasing power. Key ESG risks are energy & waste management, sustainable products (E) and product quality management, labor practices and data privacy (S).

 

Download EN version click >> COMMERCE251010_E.pdf

Author
Slide9
ศิริมา ดิสสรา, CFA

หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5