เราคาดว่ากำไร 3Q67 ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ภายใต้การวิเคราะห์ของเราจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ แต่จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY เราคาดว่าผลประกอบการ 3Q67 จะสะท้อนถึง: 1) คุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่อง (แม้ว่า NPL เกิดใหม่ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว) โดยมี credit cost เพิ่มขึ้น 2) สินเชื่อที่เติบโตระดับปานกลาง 3) NIM ที่ลดลง จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และ 4) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง เรายังคงเลือก TIDLOR เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ เนื่องจากกำไรปี 2568 มีแนวโน้มฟื้นตัวแข็งแกร่ง และ valuation น่าสนใจ
MTC: คาดกำไรทรงตัว QoQ, เพิ่มขึ้น YoY เราคาดการณ์กำไร 3Q67 ที่ 1.45 พันลบ. เพิ่มขึ้น 1% QoQ และเพิ่มขึ้น 13% YoY เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตดีต่อเนื่องที่ 4% QoQ และ 16% YoY ในขณะที่คาดว่า NIM จะลดลง 7 bps QoQ (-82 bps YoY) โดยเกิดจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น MTC พบว่า NPL ไหลเข้าอยู่ในระดับทรงตัว MoM ในเดือนก.ค. และส.ค. credit cost น่าจะเพิ่มขึ้น 21 bps QoQ สู่ 3.3% ใน 3Q67 เพื่อรองรับการตัดหนี้สูญและการขาย NPL MTC เปิดสาขาเพิ่ม 51 สาขาใน 3Q67 น้อยกว่า 192 สาขาใน 2Q67 ดังนั้นเราคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลง 68 bps QoQ (+163 bps YoY) สู่ 46.78%
TIDLOR: คาดกำไรลดลง QoQ, เพิ่มขึ้น YoY เราคาดการณ์กำไร 3Q67 ที่ 1.05 พันลบ. ลดลง 4% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 4% YoY credit cost น่าจะเพิ่มขึ้น 19 bps QoQ (+72 bps YoY) สู่ 3.81% ใน 3Q67 เพื่อรองรับการเคลียร์งบดุลเพื่อรักษาอัตราส่วน NPL ไว้ที่ระดับที่ไม่เกิน 2% สินเชื่อน่าจะเติบโต 2.5% QoQ (15% YoY) ใน 3Q67 ต่ำกว่าที่เติบโต 2.8% QoQ (18% YoY) ใน 2Q67 ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น NIM น่าจะเพิ่มขึ้น 5 bps QoQ (-1 bps YoY) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากเงินให้สินเชื่อที่ดีขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วยชดเชยต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น non-NII น่าจะเพิ่มขึ้น 7% QoQ (+15% YoY) หลักๆ เกิดจากรายได้ค่านายหน้าประกันภัย อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้น่าจะเพิ่มขึ้น 122 bps QoQ (-74 bps YoY) มาอยู่ที่ 54.6% จากปัจจัยฤดูกาล
SAWAD: คาดกำไรเพิ่มขึ้น QoQ, ลดลง YoY เราคาดการณ์กำไร 3Q67 ที่ 1.33 พันลบ. เพิ่มขึ้น 5% QoQ แต่ลดลง 5% YoY เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตในระดับปานกลางที่ 2% QoQ และ 9% YoY ใน 3Q67 ขณะที่คาดว่า NIM จะลดลง 4 bps QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและอัตราผลตอบแทนจากเงินให้สินเชื่อที่ลดลงจากการมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ลดลง เราคาดว่า credit cost ใน 3Q67 จะเพิ่มขึ้น 3 bps สู่ 2.3% อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้น่าจะลดลง 24 bps QoQ (-259 bps YoY) เพราะขาดทุนจากรถยึดจะลดลง
แนวโน้มกำไร: ทรงตัวใน 2H67, ฟื้นตัวดีในปี 2568 สำหรับ 2H67 เราคาดว่ากำไรจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ และ YoY โดยสินเชื่อจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ NIM จะลดลง QoQ จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และ credit cost จะสูงต่อเนื่อง สำหรับปี 2568 เราคาดว่ากำไรจะเติบโตแข็งแกร่งที่ 23% สำหรับ MTC, 22% สำหรับ TIDLOR และ 12% (+3% สำหรับ EPS) สำหรับ SAWAD โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อที่เติบโตดี credit cost ที่ลดลงเล็กน้อย และต้นทุนทางการเงินในระดับทรงตัว (ลดลงใน 2H68)
ยังคงเลือก TIDLOR เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม เรายังคงเลือก TIDLOR เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม โดยได้รับการสนับสนุนจาก: 1) valuation ที่แพงน้อยกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน และ 2) การคาดการณ์ว่ากำไรจะเติบโตดีที่ 22% ในปี 2568
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน credit cost จากราคารถมือสองที่ลดลง 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารต่างๆ และ 4) ความเสี่ยง ESG จากการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (market conduct) และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ