เราคาดว่ากำไรปกติ 3Q67 ของกลุ่มอาหารจะปรับตัวดีขึ้น YoY จากผู้ประกอบการทุกราย ซึ่งเป็นผลมาจากมาร์จิ้นที่กว้างขึ้นเพราะราคาผลิตภัณฑ์ดีขึ้น ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำและยอดขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้น และจะเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาลจากผู้ประกอบการทุกราย (ยกเว้น GFPT) ทั้งนี้หลังจากอ่อนตัวลงตั้งแต่กลางเดือนก.ย. จากฤดูฝนและเทศกาลกินเจ ราคาสัตว์บกในประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงที่เหลือของ 4Q67 จากอุปสงค์และอุปทานที่ดีขึ้น เราคาดว่ากำไรของกลุ่มอาหารจะอ่อนตัวลง QoQ ใน 4Q67 จากปัจจัยฤดูกาล แต่จะยังคงเติบโต YoY จากมาร์จิ้นที่ กว้างขึ้น โดยมี upside จากการลดอัตราดอกเบี้ย แต่มี downside จากเงินบาทที่แข็งค่า หุ้นเด่นของเรา คือ CPF
คาดกำไรปกติ 3Q67 แข็งแกร่ง เราคาดว่ากำไรปกติ 3Q67 ของกลุ่มอาหารจะปรับตัวดีขึ้น YoY จากผู้ประกอบการทุกราย ซึ่งเป็นผลมาจากมาร์จิ้นที่กว้างขึ้นเพราะราคาผลิตภัณฑ์ดีขึ้น ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำและยอดขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำไรปกติ 3Q67 มีแนวโน้มที่จะเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาลจากผู้ประกอบการทุกราย ยกเว้น GFPT เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจะปรับตัวลดลง เมื่อจำแนกเป็นรายบริษัท CPF จะรายงานกำไรปกติ 3Q67 เติบโตดีที่สุดที่ 6.3 พันลบ. (ฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 3.5 พันลบ. ใน 3Q66) โดยได้แรงหนุนจากราคาสุกรในจีนและเวียดนามที่ดีขึ้นและราคาสัตว์บกในประเทศที่สูงขึ้น ตามมาด้วย BTG ที่ 889 ลบ. (จากขาดทุนปกติ 736 ลบ. ใน 3Q66) โดยได้แรงหนุนจากราคาสัตว์บกในประเทศที่สูงขึ้น และ GFPT ที่ 543 ลบ. (+71% YoY) จากปริมาณการส่งออกไก่เนื้อมาร์จิ้นสูงจากประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น (9,200 ตัน, +39% YoY จากการส่งออกไปยุโรปมากขึ้น และ +2% QoQ จากการส่งออกไปญี่ปุ่นมากขึ้น) และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่สูงขึ้น (+89% YoY จากการส่งออกมากขึ้นจากทั้ง McKey และ GFN แต่ -24% QoQ เพราะได้รับผลกระทบจากราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้ในประเทศที่ลดลงจาก GFN) และ TU ที่ 1.5 พันลบ. (+2% YoY) เนื่องจากยอดขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งจะมากเกินพอชดเชยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย, ดอกเบี้ยจ่าย และค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น
ราคาสัตว์บกและต้นทุนอาหารสัตว์ในเดือนต.ค. ถึงปัจจุบัน ราคาสุกรต่างประเทศ ในเดือนต.ค. ถึงปัจจุบัน ราคาสุกรในจีนและเวียดนามอยู่ที่ CNY18/กก. (+18% YoY, -6% MoM) และ VND61,000/กก. (+22% YoY, ทรงตัว MoM) สูงกว่าจุดคุ้มทุนที่ระดับกำไรขั้นต้นสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ CNY15-16/กก. และ VND44,000-45,000/กก. เราคาดว่าราคาสุกรต่างประเทศจะยังคงสูงกว่าระดับคุ้มทุนในช่วงที่เหลือของ 4Q67 โดยได้รับการสนับสนุนจากการขาดแคลนอุปทานจากการกลับมาระบาดรอบใหม่ของโรค ASF ในจีนในช่วงกลางปี 2567 และในเวียดนามใน 3Q67 ราคาสัตว์บกในประเทศ ราคาสุกรในประเทศอยู่ที่ 72 บาท/กก. (+19% YoY, -2% QoQ) เทียบกับจุดคุ้มทุนที่ระดับกำไรขั้นต้นสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ 60-68 บาท/กก. ราคาไก่เนื้อและราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้จากไก่ในประเทศปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดของปีนี้ที่ 39 บาท/กก. (+9% YoY, -2% QoQ) เทียบกับจุดคุ้มทุนที่ระดับกำไรขั้นต้นสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ 38-39 บาท/กก., และ 13 บาท/กก. (-23% YoY, -10% MoM) เราคาดว่าราคาสัตว์บกในประเทศจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของ 4Q67 หลังจากผ่านพ้นช่วงที่ฝนตกหนักและเทศกาลกินเจ (3-11 ต.ค.) ต้นทุนอาหารสัตว์ ราคา spot ข้าวโพด และกากถั่วเหลืองนำเข้า อยู่ที่ 10.5 บาท/กก. (-4% YoY, -7% MoM) และ 19.5 บาท/กก. (-5% YoY, ทรงตัว MoM) จากอุปทานที่เพิ่มขึ้น
โมเมนตัมกำไร 4Q67 เราคาดว่ากำไรของกลุ่มอาหารจะอ่อนตัวลง QoQ ใน 4Q67 จากปัจจัยฤดูกาล แต่ยังคงเติบโต YoY จากมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น ความเสี่ยง upside เรายังไม่ได้รวม upside จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเข้ามาไว้ในประมาณการกำไรของเรา นักเศรษฐศาสตร์ของ INVX คาดว่า ธปท.จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง 100bps ในช่วงเวลา 1 ปี (เริ่มจากการปรับลง 25bps ในเดือนต.ค., ปรับลงอีก 25bps ในเดือนธ.ค. และปรับลง 50bps ใน 1H68) ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าประมาณการกำไรที่เราคาดการณ์ไว้สำหรับกลุ่มอาหารจะปรับขึ้นได้อีกเฉลี่ย 4.6% ต่อปี นำโดย CPF (+11.0%), BTG (+5.0%), TU (+1.9%) และ GFPT (+0.6%) ความเสี่ยง downside ปัจจุบันเราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนที่ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในประมาณการปี 2567-2568 ของเรา (เทียบกับ 35.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567TD) การวิเคราะห์ความอ่อนไหวบ่งชี้ว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 1 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จากสมมติฐานกรณีฐานของเรา จะส่งผลกระทบต่อกำไรของกลุ่มอาหารเฉลี่ย 0.4% ต่อปี โดย TU จะได้รับผลกระทบมากที่สุด (-3%, หลังจากป้องกันความเสี่ยง) รองลงมาคือ GFPT (-0.7%) เราคาดว่าผลกระทบต่อ CPF จะมีน้อยมาก เนื่องจากบริษัทมีสถานะเป็นกลางในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกและนำเข้า ในขณะที่จะส่งผลบวกต่อ BTG (+2%) ในฐานะที่เป็นผู้นำเข้าสุทธิ โดยมีการนำเข้าอาหารสัตว์มากกว่าการส่งออกไก่เนื้อ
หุ้นเด่น CPF เป็นหุ้นเด่นของเรา เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มที่จะรายงานกำไรปกติเติบโตดีที่สุดใน 3Q67 นอกจากนี้ CPF จะมี upside จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในกลุ่มอาหาร และไม่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า
ความเสี่ยงที่สำคัญ: ราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอจากกำลังซื้อที่เปราะบางและอุปทานที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนอาหารสัตว์สูง เงินบาทแข็งค่า ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริหารจัดการขยะและน้ำ (E) สวัสดิภาพของลูกค้า การบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ นโยบายด้านสุขภาพและความปลอดภัย (S)