Keyword
บทวิเคราะห์รายอุตสาหกรรม

สาธารณูปโภค – มองบวกต่อการประมูลพลังงานหมุนเวียนรอบสอง 9 ก.ย. 67

9 Sep 24 9:00 AM
Sectors_thumbnail_Artboard 19 Energy

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการประมูลรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบสอง กำลังการผลิต 3,668MW ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนต.ค.-พ.ย. 2567 เราคาดว่า GULF GPSC และ BGRIM จะชนะการประมูลโครงการโซลาร์และพลังงานลมบางส่วนด้วย EIRR ที่สมเหตุสมผลในระดับ 10-12% การประมูลรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนครั้งนี้จะส่งผลดีต่อกลุ่มสาธารณูปโภคของไทยในระยะกลางถึงระยะยาว เนื่องจากโครงการในประเทศไทยมีความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนที่เป็นธรรม และสามารถควบคุมดูแลได้อย่างใกล้ชิดมากกว่าโครงการต่างประเทศ เราเลือก GULF เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากคาดการณ์ถึงกำไร 2H67 ที่แข็งแกร่ง และได้รับผลกระทบจากราคา LNG ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่นๆ สำหรับการ trading เราคาดว่า GPSC จะให้ผลตอบแทนดีในระยะสั้น เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มที่จะชนะการประมูลรอบสองมากกว่ารอบแรก

 

ปัจจัยกระตุ้น: การประมูลรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบสอง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. เตรียมเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) รอบสอง กำลังการผลิตรวม 3,668MW แบ่งเป็น โซลาร์บนพื้นดิน พลังงานลม ขยะอุตสาหกรรม และก๊าซชีวภาพ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2557 โดยบอร์ดกกพ.ได้มีการหารือระเบียบต่างๆ รวมทั้งรวบรวมความคิดเห็นหลังจากเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนไปแล้วเมื่อวันที่ 14-20 ส.ค. 2567 เบื้องต้นคาดว่าหลักเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวจะออกมาช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2567สำหรับมติกบง.ดังกล่าว จะให้สิทธิสำหรับผู้ยื่นคำเสนอที่ผ่านหลักเกณฑ์รอบแรกที่ไม่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับการพิจารณารับซื้อเป็นลำดับแรก ปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานลมรวมไม่เกิน 600MW และพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินไม่เกิน 1,580MW รวมปริมาณไฟฟ้า 2,180MW ในกลุ่มนี้จะเป็นโครงการที่ผ่านหลักเกณฑ์แล้วแต่ได้คะแนนน้อยจึงไม่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก ดังนั้นกกพ.จะเรียกผู้ประกอบการมายืนยันความพร้อมว่าจะเข้าร่วมโครงการพลังงานหมุนเวียนรอบสองหรือไม่ ส่วนโควตาส่วนที่เหลืออีก 1,488MW ให้เป็นการเปิดรับซื้อเป็นการทั่วไป

 

ผลกระทบต่อกลุ่มสาธารณูปโภคของไทย เราคาดว่าการประมูลรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบสองจะส่งผลดีต่อกลุ่มสาธารณูปโภคของไทยในระยะกลางถึงระยะยาว แผนใหม่นี้มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าภายในประเทศไทย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมีความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนที่เป็นธรรม และสามารถควบคุมดูแลได้อย่างใกล้ชิดมากกว่าโครงการต่างประเทศ เมื่ออิงกับการประมูลรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบแรก กำลังการผลิต 5.2GW ในปี 2566 GULF ชนะประมูลโครงการในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) และลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน กำลังการผลิต 2.4GW: โซลาร์ฟาร์ม 870MW, โซลาร์ฟาร์มร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) 1,526MW  และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมในประเทศไทย 20MW GUNKUL ชนะการประมูล 832.4MWe: โซลาร์ 568.8MW, โซลาร์ 83.6MW + BESS และพลังงานลม 180MW และ BGRIM ชนะการประมูล 161.3MW: โซลาร์ 145.3MW และพลังงานลม 16MW

 

เกณฑ์ใหม่ที่ให้สิทธิสำหรับผู้ยื่นคำเสนอที่ผ่านหลักเกณฑ์ในรอบแรกที่ไม่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการพิจารณารับซื้อเป็นลำดับแรกจะส่งผลดีต่อ GPSC นอกจากนี้ เรายังคาดว่าการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ FiT รอบสองจะคล้ายกับรอบแรกในปี 2566 โดยกำหนด FiT ในอัตราคงที่ที่ 2.17 บาท/kWh สำหรับโซลาร์ฟาร์ม และ 3.10 บาท/kWh สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลม เราประเมินต้นทุนการลงทุนได้ที่ 25 ลบ.ต่อ MW สำหรับโซลาร์ฟาร์ม และ 60 ลบ. ต่อ MW สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของผู้ถือหุ้น (EIRR) ที่ประเมินได้สำหรับโซลาร์ฟาร์มอยู่ที่ 10% และโรงไฟฟ้าพลังงานลมอยู่ที่ 9.5% อย่างไรก็ตาม บริษัทแต่ละแห่งยังมีปัจจัยผันแปร เช่น ต้นทุนทางการเงิน การบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงาน และการจัดซื้อ/จัดหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ EIRR ของแต่ละโครงการ

 

หุ้นเด่น เรายังคงคำแนะนำ tactical call ระยะ 3 เดือน สำหรับ GULF ไว้ที่ OUTPERFORM ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสที่บริษัทจะชนะการประมูลโครงการบางส่วนทั้งในการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบสอง และแผน PDP 2024 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เราคาดว่า GULF จะมีกำไรที่แข็งแกร่ง 2H67 จากการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ GPD และ HKP เต็มไตรมาส รวมถึงการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตามแผนของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) และโครงการโซลาร์รูฟท็อป กำลังการผลิตรวม 605MW ใน 2H67 เราคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ GPSC และ BGRIM แม้เราคาดว่ากำไร 2H67 อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น HoH: ราคา pool gas เพิ่มขึ้น 4.1% MoM มาอยู่ที่ 321.844 บาท/ล้านบีทียูในเดือนก.ค. 2567 จาก 309.0391 บาท/ล้านบีทียูในเดือนมิ.ย. 2567

 

อย่างไรก็ตาม มี sentiment เชิงลบเกี่ยวกับแนวโน้มที่ต้นทุนก๊าซจะสูงขึ้นใน 3Q67 ซึ่งเป็นผลมาจากราคา LNG ที่สูงในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สำหรับการ trading เราคาดว่า GPSC จะให้ผลตอบแทนดีในระยะสั้น เนื่องจากเราคาดว่าบริษัทจะชนะการประมูลพลังงานหมุนเวียนในรอบสองมากกว่ารอบแรก

 

ปัจจัยเสี่ยง ต้นทุนก๊าซสูงกว่าคาด ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การบริหารจัดการพลังงาน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง และผลกระทบต่อชุมชนใกล้เคียง

 

ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Utilities_09092024

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5