
1. ตลาดหุ้นโลกปรับลง ในขณะที่ Bond yield เพิ่มขึ้น หลังตลาดปรับลดโอกาส เฟดลดดอกเบี้ย ลง
2. Scott Bessent คาดสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงด้านแร่หายากภายในวันขอบคุณพระเจ้า
3. สวิตเซอร์แลนด์บรรลุข้อตกลงลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เหลือ 15% พร้อมลงทุน $200 พันล้านในสหรัฐฯ
4. GDP ญี่ปุ่นหดตัวลง -0.4% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ติดตามท่าที BoJ
5. ญี่ปุ่นเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 17 ล้านล้านเยน
6. จีนตอบโต้ญี่ปุ่น หลังแสดงท่าทีอาจใช้กำลังทหาร หากจีนโจมตีไต้หวัน
7. AI จีนมีความสามารถใกล้เคียงกับสหรัฐฯ แม้มีเงินลงทุนต่ำกว่า
8. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยอยู่ที่ 51.9 ในเดือน ต.ค. สูงสุดในรอบ 9 เดือน
Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
17 November 2025
1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวแบบผันผวน โดย S&P 500 -0.05%ส่วน Nasdaq +0.13% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนปรับลดโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย เดือน ธ.ค. เหลือ 46% จาก 66.9% หลังเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณกังวลเรื่องเงินเฟ้อและตลาดแรงงานแข็งแกร่ง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีขยับขึ้นแตะ 4.146% ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรและเยน ส่วนราคาน้ำมันปรับขึ้นจากความกังวลอุปทานหลังเหตุการณ์โจมตีในรัสเซีย ขณะที่ราคาทองคำและ Bitcoin ปรับลดลงตามแรงกดดันจากเฟด
2. Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นว่า เขามีความหวังอย่างมากว่าข้อตกลงด้านแร่หายากระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะบรรลุผลภายในหรือก่อนวันขอบคุณพระเจ้า (27 พฤศจิกายน 2025) โดยในปัจจุบันอยู่ในช่วงเจรจารายละเอียดข้อตกลง เช่น เงื่อนไขใบอนุญาตส่งออกสำหรับการใช้ทางทหาร รวมถึงกรอบเวลาการใช้มาตรการผ่อนปรนจริง พร้อมเน้นว่าการประนีประนอมและความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงของซัพพลายเชนโลก โดยสถานการณ์ยังเป็นที่น่าจับตาเนื่องจากจะส่งผลต่อราคาและซัพพลายของสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีและกลาโหมโดยตรง
3. รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสวิตเซอร์แลนด์ จาก 39% เหลือ 15% ตามข้อตกลงการค้าใหม่ บริษัทสวิตฯ จะลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2028 ครอบคลุมอุตสาหกรรมยา อุปกรณ์การแพทย์ อากาศยาน และการผลิตทอง ข้อตกลงนี้ช่วยให้ธุรกิจสวิตฯ แข่งขันได้เท่าเทียมกับบริษัทในสหภาพยุโรป และลดความเสี่ยงจากภาษี Section 232 ที่อาจสูงถึง 100% ในบางสินค้า เศรษฐกิจสวิตเซอร์แลนด์คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 1% ในปี 2026 จากผลของการลดภาษีและการลงทุนครั้งใหญ่
4. เศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคมถึงกันยายน) ของปี 2025 หดตัว 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือเทียบเท่าอัตราหดตัวรายปีที่ 1.8% นับเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส การหดตัวในครั้งนี้มีปัจจัยหลักมาจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลง อัตราเงินเฟ้อที่สูง รวมถึงการส่งออกที่อ่อนแอจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและผลกระทบจากนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐซึ่งกดดันกลุ่มผู้ส่งออก ในขณะที่ BoJ อาจมีท่าทีการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น หลังเศรษฐกิจชะลอตัวลง
5. รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Sanae Takaichi กำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าประมาณ 17 ล้านล้านเยน (ราว 110 พันล้านดอลลาร์) โดยมีงบประมาณเพิ่มเติม (supplementary budget) ราว 14 ล้านล้านเยน ซึ่งสูงกว่าปีก่อน อาจเพิ่มหนี้สาธารณะของประเทศ มาตรการนี้เน้นใช้มาตรการทางคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รับมือกับต้นทุนชีวิตที่สูงขึ้น และสนับสนุนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเติบโตเช่น AI และ semiconductors รวมถึงการปรับลดภาษีเงินได้, ภาษีน้ำมัน, ให้เงินอุดหนุนด้านสาธารณูปโภค และ อาหาร คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีวันที่ 21 พฤศจิกายน นี้
6. จีนตอบโต้ญี่ปุ่นหลังนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Sanae Takaichi ออกแถลงการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะใช้กำลังทหารหากจีนโจมตีไต้หวัน โดยกระทรวงกลาโหมจีนและกระทรวงการต่างประเทศออกแรงกดดันเต็มที่ พร้อมประกาศเตือนให้ประชาชนจีนงดเดินทางและพิจารณาแผนการศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น กลุ่มสื่อหลักในจีนโจมตีญี่ปุ่นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และขู่ตอบโต้ด้วยกำลังทางทหารหากญี่ปุ่นแทรกแซงในไต้หวัน โดยมาตรการล่าสุดของจีนในมิติต่าง ๆ เช่นข้อห้ามการเดินทาง การศึกษา รวมถึงการเพิ่มการตั้งด่านชายฝั่งและการซ้อมรบถือเป็นการส่งสัญญาณบีบคั้นญี่ปุ่นอย่างเข้มข้น พลวัตสถานการณ์ล่าสุดเริ่มเลวร้ายลงอย่างมากในเดือนพฤศจิกายน 2025.
7. อุตสาหกรรม AI ของจีนกำลังสร้างจุดเปลี่ยน โดยโมเดลชั้นนำของจีนสามารถทำผลงานได้ถึง 90% ของระดับสหรัฐฯ ด้วยการลงทุนด้านทุน (CapEx) ที่ต่ำกว่ามาก การใช้จ่ายรวมด้าน CapEx ของบริษัท hyperscalers จีนช่วงปี 2023-2025 อยู่ที่ 124 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าสหรัฐฯ ถึง 82% ในขณะที่โมเดล MiniMax M2 ของจีนสามารถทำคะแนนได้ 90% เทียบกับ GPT-5 Codex ของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความสำเร็จของจีนมาจากการมุ่งเน้นประสิทธิภาพรูปแบบโมเดล และการใช้นวัตกรรมด้านโครงสร้างโมเดล โดยเน้นผลตอบแทนการลงทุนและประสิทธิภาพคอมพิวท์มากกว่าอเมริกาที่เน้นปริมาณฮาร์ดแวร์และกำลังในการคำนวณ นอกจากนี้ โมเดลโอเพนซอร์สของจีนเริ่มแซงหน้าของสหรัฐฯ พร้อมกับต้นทุนการใช้งานที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
8. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ 51.9 ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ปัจจัยสำคัญคือความเชื่อมั่นหลังจากสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง “คนละครึ่งพลัส” ส่งผลให้ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในระยะสั้น ขณะเดียวกันประเมินว่า GDP ไทยไตรมาส 4/68 จะโต 1.1% และทั้งปี 2568 โต 2.4% ภายใต้แรงหนุนจากนโยบายรัฐ แม้จะยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนสูงและปัจจัยเสี่ยงภายนอก
ประเด็นที่ต้องติดตาม: GDP ไทยไตรมาสที่ 3/2025 คาดการณ์ที่ 1.6% YoY ก่อนหน้าที่ 2.3% YoY