PDF Available  
Global Morning Routine

Global Morning Routine - 21 เม.ย. 2568

By สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา|21 Apr 25 9:17 AM
สรุปสาระสำคัญ

ตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% หนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาภาษีระหว่างยุโรป ญี่ปุ่น เวียดนามและสหรัฐ รวมถึงจีนเริ่มส่งสัญญาณการเจรจา อย่างไรก็ดีตลาด DM มีแรงกดดันจากท่าทีของFed ที่ให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อซึ่งจะทำให้การลดดอกเบี้ยทำได้ยากแม้ว่าแนวโน้มการเติบโตชะลอตัวลง นอกจากนี้งบ 1Q25 ที่ออกมาดีกว่าที่คาด แต่แนวโน้มต่ำกว่าคาดและมีความเสี่ยงจากประเด็นภาษีของสหรัฐ

บทสรุป

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีแรงซื้อในตราสารหนี้ระยะสั้นมองเป็นเรื่องความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย Fed เพื่อช่วยลดผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ ด้านตลาดหุ้นจีนมีแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐ รวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการขึ้นภาษีของจีนเพื่อตอบโต้สหรัฐ สวนทางตลาดหุ้น EM ที่มีแรงซื้อซึ่งมองเป็นความคาดหวังเชิงบวกจากการเจรจากับทรัมป์

ปัจจัยที่เราแนะติดตามในสัปดาห์นี้ 1) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงท่าทีการเจรจานโยบายภาษีระหว่างสหรัฐฯและประเทศต่างๆ 2) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค คำสั่งซื้อสินค้าคงทน 2) ตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซน เช่น ความเชื่อมั่นผู้บริโภค PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ 3) การประชุม Spring Meetings IMF/World Bank 2025 Economic Outlook 4) รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book  5) ผลประกอบการสหรัฐฯ AbbVie, Alphabet, AT&T, BESI, BNP Paribas, Boeing, China Mobile, Colgate-Palmolive, Dassault Systems, Gilead Science, Intel, Merck, P&G, PepsiCo, Phillip Morris, Ping An Insurance, Sands China, Sanofi, SAP, STMicroelectronics, T-Mobile, Tesla, Texas Instrument

ภาพรวม – ภาพเศรษฐกิจมหภาคมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐ โดยเฉพาะกับจีนซึ่งทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดีมากนัก ในขณะที่การเจรจาจะช่วยผล่อนคลายได้ในระดับหนึ่ง แต่แนวโน้มการเติบโตไม่ชัดเจนและตลาดมีความผันผวนสูง ในขณะที่ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐที่ Hawkish ขึ้นกดดันตลาด ดังนั้นเราเน้นตั้งรับเป็นสำคัญ ติดตามท่าทีของ ปธน.ทรัมป์ ที่ยังกดดันจีนต่อเนื่อง โดยการลงทุน 1) เน้นถือเงินสด 2) เน้นไปที่บริษัทที่มีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศสูงและมีงบดุลที่แข็งแรงเป็นสำคัญซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบของ Portfolio ได้ 3) พิจารณาในกลุ่มที่ได้รับผลจากภาษีน้อยอย่างกลุ่มสื่อสาร กลุ่มสาธารณูปโภคและหุ้นปันผลสูง 4) หากท่าทีของ ปธน.ทรัมป์คลี่คลายแนะนำเพิ่มการลงทุนในกลุ่มธนาคารเน้นการฟื้นตัวของตลาด

กลยุทธ์ – สัปดาห์นี้ (21-25 เม.ย.) มองว่า 1) รายงาน Beige Book ของสหรัฐมีภาพการชะลอตัวลงแต่อาจจะยังไม่เห็นภาพการหดตัวแรงของการขึ้นภาษี 2) ธนาคารกลางจีนอาจจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 10bps เพื่อลดผลของภาษี 3) เงินเฟ้อญี่ปุ่นมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น อาจจะทำให้ตลาดมองถึงการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ 4) ธนาคารอินโดนีเซียและรัสเซียมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยรอความชัดเจนของภาพเศรษฐกิจ 5) ผลประกอบการสหรัฐมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากภาษีใน 2Q25 ทำให้ในสัปดาห์นี้มองว่าแนวโน้มของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 2Q25 และ 2H25 จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาด ซึ่งมองว่ามีความเสี่ยงจาก Guidance ของบริษัทที่อาจจะปรับประมาณการลง

หุ้นแนะนำ – เราแนะนำหุ้นกลุ่มเชิงรับที่มีความผันผวนน้อยกว่าตลาดและมีการประกาศงบในสัปดาห์นี้อย่าง VZ และ PM

 

Author
Slide4
สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา

นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5