สรุปสาระสำคัญ
คาด SET มีกรอบบนที่ถูกจำกัด โดยมีแนวต้านบริเวณ 1490-1500 จุด เนื่องจากมองตลาดยังดูขาดปัจจัยหนุนใหม่ ท่ามกลางการติดตามผลการเลือกตั้งปธน. สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ตลาดมีความผันผวนกระตุ้นแรงขายลดความเสี่ยง หลังดัชนีปรับขึ้นโดดเด่นเมื่อวาน ด้วยหุ้นเพียงไม่กี่ตัว ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1473 จุด หากต่ำกว่าเริ่มเป็นลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1460 จุด
กรอบบนยังจำกัด ระวังความผันผวน
ประเด็นสำคัญ
- สมาคมธนาคารไทยเตรียมมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดภาระการเงินเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้รายย่อย โดยพักชำระดอกเบี้ย ให้จ่ายแต่เงินต้น หากผ่อนชำระตามเกณฑ์จะยกดอกเบี้ยทั้งหมดที่ค้างชำระ พร้อมย้ำคนเข้าเกณฑ์ต้องกู้ก่อน 1 ม.ค. 67 และเริ่มผิดนัดชำระหนี้
- สรท. ชี้ไม่ว่าทรัมป์หรือแฮร์ริสชนะ ไทยจะต้องปรับตัวรับสงครามการค้า ช่วง 7 ปีที่เกิดสงครามการค้า ไทยได้อานิสงส์ย้ายฐานผลิต-ส่งออกไปสหรัฐฯ มั่นใจปีนี้ส่งออกโตกว่า 2% ทะลุ 10 ล้านลบ. สูงสุดใน 30 ปี
- รมช. คลังเล็งเก็บภาษีตัวใหม่ 2 ตัว ภาษีโซเดียมและภาษีไขมันเพื่อลดการบริโภคที่เป็นโทษต่อสุขภาพ โดยมอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตเร่งศึกษารายละเอียดว่าจะเริ่มเก็บภาษีโซเดียมกับผลิตภัณฑ์ใดก่อน ส่วนภาษีไขมันกำลังศึกษาแนวทางเก็บไขมันดีหรือไขมันไม่ดี
- บริษัทพลังงานหลายแห่งในอ่าวเม็กซิโกเริ่มอพยพคนงานก่อนพายุโซนร้อนราฟาเอลพัดถล่ม โดยคาดจะทวีกำลังจนกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนในสัปดาห์นี้ และอาจทำให้การผลิตน้ำมันในพื้นที่ลดลงราว 4 ล้านบาร์เรล
- ISM เผยดัชนีภาคบริการ ต.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 และสูงกว่าตลาดคาด บ่งชี้เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง
- วานนี้นายกฯ หารือกับ CEO บริษัท GDS Holdings ถึงแนวทางการลงทุนของบริษัท GDSI ซึ่งมีแผนการก่อสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยโครงการแรกได้รับการอนุมัติจาก BOI แล้ว และเชื่อว่าไทยจะสามารถเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Data Center ของภูมิภาค
- จับตาผลการเลือกตั้งปธน. สหรัฐฯ และความคืบหน้า Exit Poll หลังเช้านี้เวลา 6.00 น. (เวลาไทย) ได้ปิดหีบเลือกตั้งนับคะแนนเสียงแล้ว โดยคาดจะรู้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในคืนวันนี้เวลา 20.00 น.
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1450 จุด เนื่องจากมองตัวเลขเงินเฟ้อจีนจะออกมาต่ำกว่าคาดทำให้จีนอาจจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ และคาดเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้น รวมไปถึงการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐ คาดจะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะมีความผันผวนที่สูงหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ปธน. ส่วนปัจจัยในประเทศน่าจะถูกขับเคลื่อนด้วยผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ. ไทยเป็นสำคัญ แต่อย่างไรก็ดี ความผันผวนของค่าเงินและ Fund Flow ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ยังเป็นแรงกดดันต่อ Upside ของ SET ที่ 1500 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1450 จุด แต่ยังมีแรงกดดันที่ 1500 จุด จากความผันผวนของค่าเงิน Fund Flow ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
- หุ้น Earning Play สำหรับเก็งกำไรระยะสั้น คาดกำไร 3Q67 ออกมาเติบโตดี YoY และเป็นหุ้นที่เราแนะนำ Outperform เลือก CPAXT TU BCH MTC CBG WHA BDMS CPALL TIDLOR BEM AOT
- หุ้น Global Play คาดระยะสั้นยังได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าและคาดกำไร 3Q67 เติบโต YoY และ 2H67 คาดกำไรยังแข็งแกร่ง HoH และ YoY เลือก TU AOT
- หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษี (SSF, RMF และ THAIESG) แนะนำหุ้น SET100 ที่มี Div. Yield ขั้นต่ำ 3.5%, ESG Rating และ CG สูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO BCP ทั้งนี้แนะนำรอซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงในช่วงที่ผ่านมา
- สำหรับนักลงทุนที่ยังกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางและต้องการหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
Daily top picks
HMPRO: 4Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ หลังยอดขายสาขาเดิมมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังน้ำท่วมคลี่คลายและกำลังซื้อที่ดีขึ้นจากมาตรการแจกเงินหมื่น อีกทั้งยังมีการขยายสาขาต่อเนื่องและมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังเป็น Proxy ของกลุ่มค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังจะออกมา
AOT: 4QFY67 คาดกำไรปกติ 4.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 14%YoY (จากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 10% QoQ (จากรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ลดลง) และโมเมนตัมกำไรจะแข็งแกร่งขึ้น YoY และ QoQ ใน 1QFY68 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และยังมีปัจจัยบวกหนุนจากช่วง Golden Week ของจีน