สรุปสาระสำคัญ
หวังมาตรการจีนหนุนขึ้นทดสอบจุดสูงเดิม
SET ยังรอปัจจัยหนุนใหม่ ซึ่งคาดหวังจากมาตรการด้านการคลังของจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในวันเสาร์นี้ ขณะที่เงินบาทที่ชะลอการอ่อนค่า ส่งผลดีให้แรงขายต่างชาติลดลง ทำให้คาดดัชนีมีโอกาสขึ้นทดสอบจุดสูงเดิมบริเวณ 1470 จุด ส่วนกรอบล่างคาดแนวรับ 1450 และ 1440 จุด ยังรองรับได้ ประเด็นสำคัญ วันนี้ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
ประเด็นสำคัญ
- กนอ. เผย 9M67 อนุมัติตั้งนิคมฯ ใหม่ 11 โครงการ พื้นที่ 8.9 พันไร่ รับลงทุน 4.8 แสนลบ. เตรียมเสนอบอร์ดนิคมฯ อนุมัติอีก 3 โครงการ ล่าสุดปิ่นทองเปิดโครงการ 7 กว่า 1 พันไร่ รับอุตสาหกรรมใหม่ เตรียมซื้อที่ดินเปิดนิคมฯ เพิ่ม มั่นใจคลื่นย้ายฐานการลงทุน
- รพ.เอกชนเตรียมถอนตัวจากคู่สัญญาประกันสังคม หลัง 5 ปี ไม่ปรับค่ารักษา สมาคมรพ.เอกชนเผยกลุ่มโรคค่าใช้จ่ายสูงต้องไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท ติดตามวันที่ 17 ต.ค.อนุกรรมการทบทวนหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์เฉพาะกิจ
- รายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย. ระบุว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการลดดอกเบี้ยลงมากถึง 50bps อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะไม่ผูกมัดเฟดให้ต้องปรับลดดอกเบี้ยในอัตราใดเป็นพิเศษในอนาคต
- EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ก่อนของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาร์เรล สูงกว่าคาด ส่วนสต็อกเบนซินลดลง 6.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาด
- สำนักงานสารนิเทศของสภาแห่งรัฐจีน (SCIO) เผยว่าจีนจะจัดการแถลงข่าวเกี่ยวกับนโยบายการคลังในวันที่ 12 ต.ค. นี้ ท่ามกลางความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
- ครม. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. การขนส่งทางรางที่กระทรวงคมนาคมเสนอและเตรียมยื่นร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมภายในเดือนธ.ค. นี้ คาดมีผลบังคับใช้ในปี 2568
- สทท.เผยดัชนีผู้ประกอบการท่องเที่ยว 3Q67 อยู่ในระดับแย่มากจากภาวะเงินฝืด วิกฤตอุทกภัย โดยเฉพาะภาคเหนือ เสนอรัฐบาลจัดทำโครงการเที่ยวคนละครึ่งในทันทีเพื่อฟื้นฟูจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway โดยมี Upside จำกัดเนื่องจากในประเทศขาดปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของ ธปท. และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งอาจถูกหักล้างด้วยความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะสั้น อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในภาวะ Risk-off หลังกังวลความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง จึงทำให้ Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ขณะที่ปัจจัยภายนอกมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะไม่ส่งผลต่อตลาดการเงินมากนัก โดยคาดทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
-
มอง SET มี Upside จำกัดหลังขาดปัจจัยใหม่และมีความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
- ธีม Earning Play สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ต้องการหุ้นพื้นฐานดีที่กำไร 3Q67 คาดมีโมเมนตัมเติบโต YoY และ QoQ เลือก BEM BCH BDMS GULF TRUE
- หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO
- นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)
- ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะลุกลามเป็นวงกว้าง โดยประเมินกรอบราคา 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
Daily top picks
WHA: มีมุมมองบวกต่อ backlog จนถึงปี 2568 โดยคาดกำไรจะเติบโต 12.7% ในปี 2567 และ 16.2% ในปี 2568 ด้วย FDI และการออกบัตรส่งเสริมที่ยังเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 อีกทั้งเชื่อว่า WHA อยู่ในตำแหน่งที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดรายหนึ่งเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในกลุ่มนิคมฯ
DELTA: 2H67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น HoH และ YoY จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังคงเติบโตดี อีกทั้งยังมี upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ power supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand เอง ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่า technical fee ให้กับทาง DELTA Taiwan ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 112 บาท