สรุปสาระสำคัญ
ชะลอตัวบ้าง แต่ภาพรวมยังดี
SET เคลื่อนไหวบริเวณ 1470 จุด แม้มีการชะลอตัวบ้าง แต่มีแนวรับ 1460 และ 1450 จุด เป็นจุดรองรับ แต่คาดว่าภาพรวมยังปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1480 และ 1488 จุด ตามลำดับ ขณะที่ปัจจัยหนุน มองเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ช่วยประคองตลาด และเงินบาทที่ชะลออ่อนค่า ทำให้คาดแรงขายจากต่างชาติชะลอลง ประเด็นสำคัญ ติดตามประชุมกนง. พรุ่งนี้
ประเด็นสำคัญ
- โอเปกประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นครั้งที่สามในปีนี้ โดยคาดการณ์ปีนี้ลดลงจากเดิมขยายตัววันละ 2.0 เป็น 1.9 ล้านบาร์เรล และปีหน้าลดลงจากเดิมขยายตัววันละ 1.7 เป็น 1.6 ล้านบาร์เรล
- เมื่อวันที่ 12 ต.ค. จีนประกาศจะเพิ่มการก่อหนี้ขึ้นอย่างมากเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว แต่ไม่มีการเปิดเผยขนาดรวมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งเป็นรายละเอียดสำคัญสำหรับการประเมินความยั่งยืนของการฟื้นตัวของตลาดหุ้น
- เกาหลีใต้เผยการส่งออกผลิตภัณฑ์ ICT ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน โดยมูลค่าการส่งออก ก.ย. +24%YoY ส่วนการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ +3%YoY หนุนจากอุปสงค์ชิปสำหรับ AI ที่แข็งแกร่ง
- จีนเผยยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลก.ย. อยู่ที่ 2.13 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 4.3%YoY ซึ่งยุติการลดลงที่ดำเนินมาต่อเนื่อง 5 เดือน แรงหนุนจากเงินอุดหนุนของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการแลกรถเก่าเป็นรถใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง
- กนอ. เผยไทยต้องเร่งพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมให้ทันต่อความต้องการเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะ FDI ที่คาดจะเพิ่มขึ้นถึง 2-3 แสนไร่ในอนาคต โดยตั้งเป้าเพิ่ม FDI ให้ได้ 27% จากปัจจุบัน 24% ของ GDP คิดเป็นมูลค่า 3.5 แสนลบ. ต่อปีในระยะข้างหน้า
- สมาคมโรงแรมไทยเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนก.ย. พบอัตราการเข้าพักลดลงจากส.ค. ตามนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง แต่โดยรวมดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเพิ่มขึ้น
- รมช.คลัง เตรียมเสนอกระตุ้นเศรษฐกิจปลายต.ค. นี้ เล็งกลุ่มเป้าหมายคนชั้นกลางในระบบภาษี แย้มมีมาตรการภาษีกระตุ้นจับจ่าย-อสังหาฯ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway โดยมี Upside จำกัดเนื่องจากในประเทศขาดปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของ ธปท. และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งอาจถูกหักล้างด้วยความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะสั้น อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในภาวะ Risk-off หลังกังวลความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง จึงทำให้ Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ขณะที่ปัจจัยภายนอกมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะไม่ส่งผลต่อตลาดการเงินมากนัก โดยคาดทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
-
มอง SET แกว่งตัว Sideway และมี Upside จำกัด ระหว่างรอความชัดเจนทิศทางดอกเบี้ยของไทย} เข้าสู่ช่วงประกาศงบกลุ่มธพ. และยังจับตาความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
- Earning Play หุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่กำไร 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ เลือก BEM BCH BDMS GULF TRUE AU TNP และระมัดระวังกลุ่มที่มีความเสี่ยงงบแย่กว่าตลาดคาด อาทิ กลุ่มพลังงานและปิโตรฯ, กลุ่มบรรจุภัณฑ์, และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
- ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ หากเชื่อกนง. จะลดดอกเบี้ย เก็งกำไร LHHOTEL DIF CPALL AP SIRI ส่วนกลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) มองราคาปรับขึ้นสะท้อนความคาดหวังแล้ว แต่หากเชื่อไม่ลดดอกเบี้ย เก็งกำไรหุ้นที่มีหนี้/ต้นทุนรูปดอลลาร์สูง AAV GPSC BCP
- หุ้นที่จ่ายปันผลสูงละคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี แนะนำหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL ADVANC HMPRO
- ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัวจากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยประเมินกรอบราคา 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือก PTTEP
Daily top picks
BBL: เป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร เนื่องจาก valuation ในแง่ PBV/ROE น่าสนใจที่สุด และความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ ขณะที่ 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต 5%YoY และ 1%QoQ แรงหนุนจากการตั้งสำรอง (credit cost) ที่ลดลง รวมทั้งสินเชื่อและ non-NII (กำไรจากเครื่องมือทางการเงิน) ยังมีการเติบโต
DELTA: 2H67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น HoH และ YoY จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังคงเติบโตดี อีกทั้งยังมี upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ power supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand เอง ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่า technical fee ให้กับทาง DELTA Taiwan ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 120 บาท