Macro Making Sense 1
PDF Available  
Macro Making Sense

Macro Making Sense – 6 ม.ค. 2568

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|6 Jan 25 8:14 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็น 10 แนวโน้มธุรกิจสำหรับปี 2025 เศรษฐกิจจีนส่อแววซบเซาต่อเนื่องในปี 2025 จีนวิตกการย้ายฐานผลิตของบริษัทในประเทศ

  • 10 แนวโน้มธุรกิจสำหรับปี 2025 ในปี 2025 เราคาดว่า (1) เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยคาดว่าเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลง (2) ภาคธุรกิจจะถูกขับเคลื่อนด้วย AI และเทคโนโลยีมากขึ้น โดยจะมีการลงทุนด้าน IT เพิ่มขึ้น 8% เป็น 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ (3) ด้านสาธารณสุขจะเผชิญความท้าทายจากสังคมสูงวัย (4) ภาคพลังงานยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล 80% แม้พลังงานหมุนเวียนจะเติบโตขึ้น (5) อุตสาหกรรมยานยนต์จะเห็นการเติบโตของรถ EV ถึง 25% (6) การท่องเที่ยวโลกคาดว่าจะฟื้นตัวแตะ 1.6 พันล้านคน (7) ด้านอสังหาริมทรัพย์จะได้แรงหนุนจากดอกเบี้ยที่ลดลง (8) ราคาโลหะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการในภาคก่อสร้างและนโยบายรักษ์โลก (9) ภาคโทรคมนาคมจะเห็นการเติบโตของ 5G อย่างต่อเนื่อง และ(10) อุตสาหกรรมขนส่งยังเผชิญความท้าทายจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางและการขาดแคลนแรงงาน
  • เศรษฐกิจจีนส่อแววซบเซาต่อเนื่องในปี 2025 เศรษฐกิจจีนในปี 2024 เผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งยอดค้าปลีกที่เติบโตเพียง 3% และอัตราเงินเฟ้อต่ำเพียง 0.2% สะท้อนการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังระมัดระวัง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้ารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มขึ้นถึง 60% แม้รัฐบาลจีนจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรูปแบบ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากทั้งรัฐบาลท้องถิ่น ภาคธุรกิจ และผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่น

  • สำหรับปี 2025 จีนได้ส่งสัญญาณปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยหันมาให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ แทนที่การเน้นควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน มีการอนุมัติให้รัฐบาลท้องถิ่นออกพันธบัตรเพิ่มเติมมูลค่า 10 ล้านล้านหยวน พร้อมเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพียง 4.5% ในปี 2025 ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 5% เนื่องจากยังมีความท้าทายจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ความไม่แน่นอนด้านการส่งออก และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงซบเซา
  • จีนวิตกการย้ายฐานผลิตของบริษัทในประเทศ บริษัทจีนกำลังย้ายฐานการผลิตออกนอกประเทศในอัตราที่น่าวิตก โดยในช่วงหนึ่งปีจนถึงเดือนมิถุนายน มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่ใช่การเงินในต่างประเทศสูงถึง 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยกว่า 80% เป็นการลงทุนแบบ Green field ในตลาดเกิดใหม่ สาเหตุหลักมาจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ต้นทุนแรงงานในจีนที่พุ่งสูง และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กลายเป็น "ตัวเชื่อม" (Connectivity) ให้จีนยังเข้าถึงตลาดตะวันตกได้

  • อย่างไรก็ตาม การลงทุนของจีนสร้างความไม่พอใจในประเทศผู้รับ เนื่องจากบริษัทจีนนิยมนำเข้าแรงงานของตนเอง ไม่ซื้อวัตถุดิบจากผู้ผลิตในประเทศ และไม่แบ่งปันเทคโนโลยี ขณะที่ทางการจีนเองก็กังวลว่าอุตสาหกรรมภายในประเทศจะ "กลวงเปล่า" (Hollowed out) จากการย้ายฐานการผลิต แม้จะมีการใช้ระบบไฟจราจรควบคุมการลงทุนในต่างประเทศ แต่รัฐบาลจีนเองก็ได้ประโยชน์จากการเลี่ยงภาษีสหรัฐฯ ทำให้การแก้ปัญหาซับซ้อนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เราคาดว่าการลงทุนโดยตรงจากจีนมายังชาติอาเซียนจะยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อาจต้องปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศผู้รับมากขึ้น
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5