PDF Available  
Macro Making Sense

GDP ไทยไตรมาส 3/25 โต 1.2% ต่ำกว่าตลาดคาดแต่ใกล้เราคาด สภาพัฒน์คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2025-26 ที่ 2.0% และ 1.7% INVX คงประมาณการปี 2025-26 ไว้ที่ 1.8% และ 1.4%

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|18 Nov 25 6:54 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็น เศรษฐกิจไทย ไตรมาส 3/2025 หดตัวมากกว่าตลาดคาด แต่ใกล้เคียงกับเราคาด INVX คงประมาณการปี 2025-26 ที่ 1.8% และ 1.4%

  • เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2025 ขยายตัว 1.2%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 1.7% แต่ใกล้เคียงกับที่เราคาดที่ 1.0%YoY และชะลอลงจาก 2.8% ในไตรมาสก่อนหน้า หรือหดตัว -0.6% QoQSA จากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และการส่งออกบริการที่หดตัว ด้านฝั่งอุปสงค์ การอุปโภคบริโภคและลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า แต่การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาครัฐ หดตัวรุนแรง ผลจากความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ด้านการส่งออกสินค้าขยายตัว แต่การส่งออกบริการหดตัว บ่งชี้ถึงความเสี่ยงจากการท่องเที่ยว ด้านฝั่งอุปทาน ภาคเกษตรกรรมขยายตัวชะลอลงจากภาวะ La Nina ภาคการผลิตหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส ส่วนหนึ่งจากปัจจัยชั่วคราว การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและการหยุดเดินเครื่องชั่วคราวของโรงงานยานยนต์บางแห่ง ขณะที่ภาคบริการชะลอลงจากนักท่องเที่ยวที่ลดลง
  • สภาพัฒน์คงประมาณการเศรษฐกิจปี 2025 ไว้ที่ 2.0% โดยปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกจาก 3.0% เป็น 3.2% และปรับเพิ่มประมาณการส่งออกจาก 5.5% เป็น 11.2% จากการเร่งส่งออก (Frontloading) และผลจากภาษีศุลกากรที่น้อยกว่าที่คาด แต่ปรับลดรายได้จากท่องเที่ยวเหลือ 1.52 ล้านล้านบาท (จาก 1.57 ล้านล้านบาท) สำหรับปี 2026 สภาพัฒน์คาดการณ์เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 1.2-2.2% (ค่ากลาง 1.7%) จากการบริโภคและการลงทุนที่ชะลอลง และมูลค่าการส่งออกที่หดตัว -0.3% ตามเศรษฐกิจโลกและผลกระทบภาษีที่สูงขึ้น
  • InnovestX คงประมาณการเศรษฐกิจปี 2025 และ 2026 ไว้ที่ 1.8% และ 1.4% ตามลำดับ ต่ำกว่าสภาพัฒน์ที่ 2.0% และ 1.7% โดยมีความกังวลต่อ 4 ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ (1) การส่งออกที่จะชะลอลงมากขึ้น โดยเฉพาะ Electronics cycle และความเสี่ยงจาก Transshipment ที่อาจถูกเก็บภาษีถึง 40% (2) ความผันผวนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ทั้งจาก ความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐ (เช่น เงินเฟ้อ การจ้างงาน และฟองสบู่ AI) ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ทิศทางดอกเบี้ยพันธบัตร ค่าเงิน และตลาดทุนคาดการณ์ยากและผันผวนมากขึ้น (3) การบริโภคและการลงทุนในประเทศที่ชะลอต่อเนื่อง จากรายได้เกษตรกรที่ลดลง ความไม่แน่นอนทางการเมือง และหนี้สาธารณะที่สูง และ (4) ความเสี่ยงจากสินค้าคงคลังที่หดตัวต่อเนื่องกว่า 3 ไตรมาส ซึ่งอาจทำให้ภาคการผลิตต้องหดตัวมากขึ้นเพื่อระบายสต็อก
  • ในส่วนของเงินเฟ้อ InnovestX ประมาณการเงินเฟ้อปี 2025 และ 2026 ที่ -0.12% และ 0.00% ตามลำดับ ใกล้เคียงกับของสภาพัฒน์ฯ ที่ -0.2% และ 0.5% ตามลำดับ จากแรงกดดันทั้งฝ่ายอุปสงค์และอุปทาน โดยราคาพลังงานที่อยู่ในระดับต่ำ อุปสงค์ที่อ่อนแอ ต้นทุนการผลิตที่ลดลง และราคาผักผลไม้ที่ลดลง ซึ่งเงินเฟ้อที่อยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต่อเนื่อง ทำให้ยังมีมุมมองว่า ธปท. ควรลดดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปี 2025 เพื่อนำดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 1.25% และอีก 2 ครั้งในปี 2026 สู่ 0.75% ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากทั้งภาษีนำเข้าสหรัฐ การชะลอตัวของเศรษฐกิจการค้าโลก หนี้สินครัวเรือนและภาคเอกชนที่สูง และบรรยากาศทางการเมืองช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5