PDF Available  
Special Report - Thai Stocks

Energy at play - โควตานำเข้าฯ จีนกดดันโรงกลั่น / ค้าปลีกฯ เริ่มฟื้นตัว

2 Dec 25 7:02 AM
สรุปสาระสำคัญ
  • สัปดาห์ก่อน Brent +1.1%WoW, GRM -1.9%, ถ่านหิน (NEX) -0.3%, ราคาก๊าซ US +2.8%
  • กลุ่ม O&G +1.4%WoW, โรงกลั่น -9.8%, ปิโตรเคมี 0%, ไฟฟ้า -1.8%, ถ่านหิน +4.7%
  • จีนประกาศโควตานำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มเติม ขณะที่โรงกลั่นจีนนำเข้าน้ำมันดิบต่อเนื่อง หนุนอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปสู่ตลาดโลก จีนได้เปรียบจากการนำเข้าน้ำมันดิบราคาต่ำกว่าตลาดและอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอทำให้ส่งออกได้มากขึ้น เป็นปัจจัยกดดันระยะสั้นต่อค่าการกลั่น
  • ราคาดีเซลหน้าโรงกลั่นลดลงสอดคล้องทิศทางน้ำมันโลก ทำให้กองทุนน้ำมันฯ กลับมาเก็บเงินและจะมีเงินไหลเข้าสุทธิอีกครั้ง และมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากราคาน้ำมันโลกที่มีแนวโน้มลดลงจากภาวะอุปทานล้นเกิน เป็นบวกต่อค้าปลีกน้ำมัน ปัจจัยฤดูกาลช่วยเสริม เก็งกำไรระยะสั้น OR

รัฐบาลจีนประกาศโควตานำเข้าน้ำมันดิบสำหรับช่วงสิ้นปี 2025 ที่ 7.4 ล้านตัน ซึ่งทำให้โควตาน้ำมันดิบจีนทั้งปีเป็น 203.36 ล้านตัน หรือราว 4.1MBD เพิ่มขึ้น 6.4%YoY (Figure 2) ทำให้จีนจะต้องเร่งนำเข้าน้ำมันดิบอีก 1.55MBD ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่บริเวณท่าเรือสินค้าจีนมีเรือขนส่งน้ำมันดิบรอเทียบท่าตั้งแต่กลาง ต.ค. และพร้อมส่งมอบ และการนำเข้าน้ำมันดิบโดยโรงกลั่นเอกชนจีนช่วง 10M25 ที่ 3.94MBD เพิ่มขึ้น 16.6%YoY (Platts) สอดคล้องกับศุลกากรจีนที่เผยการนำเข้าน้ำมันดิบใน ต.ค. 2025 ที่ 48.36 ล้านตันหรือราว 11.4MBD เพิ่มขึ้น 8.2%YoY และ 2.3%MoM (Figure 3) สะท้อนโรงกลั่นจีนนำเข้าน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง

มองเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้นต่อค่าการกลั่นจากอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปจากจีนที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นปริมาณส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปฟื้นตัวใน ต.ค. 2025 (Figure 4) และประเมินว่าโรงกลั่นจีนมีแรงจูงใจจากความได้เปรียบของมาร์จินที่สูงกว่าตลาดจากการนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียและอิหร่านที่มี Discount เทียบกับ Brent ราว US$5-7/bbl เป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้น (Platts) และอุปสงค์ในประเทศจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวหนุนการปริมาณส่งออกจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการผลิตส่วนเกินและวิกฤตหนี้ในภาคอสังหาฯ จีน มองเป็นลบระยะสั้นต่อธุรกิจโรงกลั่นตามค่าการกลั่นที่มีแนวโน้มลดลง ขณะที่มี Sentiment เชิงลบเพิ่มเติมจากพัฒนาการเชิงบวกในการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งอาจนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียและการหยุดโจมตีโรงกลั่นรัสเซีย ในระยะสั้นระมัดระวังการเก็งกำไรในธุรกิจโรงกลั่น ติดตามการตัดสินใจทิศทางดอกเบี้ยนโยบายเฟด หากที่ประชุม FOMC ตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบาย อาจสร้าง Sentiment เชิงบวกต่ออุปสงค์น้ำมัน

 

ค้าปลีกน้ำมันเริ่มฟื้นตัว ราคาหน้าโรงกลั่นปรับลงสอดคล้องราคาน้ำมันโลก ปัจจัยฤดูกาลเสริม

ราคาดีเซลหน้าโรงกลั่นในประเทศปรับลงสอดคล้องราคาน้ำมันโลกที่ได้ปรับลงตั้งแต่ช่วงก่อนหน้า โดยปรับลง 11%WoW สู่ 18.62 บาท/ลิตร (Figure 5) ช่วยผ่อนคลายกระแสเงินไหลออกจากกองทุนน้ำมันฯ เพื่อสนับสนุนราคาขายปลีกดีเซลไม่เกินเพดานที่ 31 บาท/ลิตร ล่าสุดกองทุนน้ำมันฯ สามารถพลิกเก็บเงินได้อีกครั้งในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร (Figure 6)

มองเป็นบวกต่อค่าการตลาดน้ำมัน โดยเฉพาะค่าการตลาดดีเซล จากบัญชีน้ำมันจะกลับมามีเงินไหลเข้าสุทธิอีกครั้ง ขณะที่มีปัจจัยหนุนอื่นจากราคาน้ำมันโลกที่มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากภาวะอุปทานล้นเกิน โดย IEA ประเมินตลาดน้ำมันในปี 2026 จะเกินดุลราว +4MBD (Figure 7) เนื่องจากกลุ่มประเทศ OPEC+ ได้ทยอยเพิ่มการผลิตต่อเนื่องตั้งแต่ เม.ย. 2025 แล้วรวม 2.88MBD หรือราว 2.8% ของความต้องการโลก แม้ข้อสรุปจากการประชุมร่วมระหว่างประเทศสมาชิก OPEC+ ย้ำจะหยุดการเพิ่มการผลิตชั่วคราวใน 1Q26  (Reuters) ซึ่งมองว่าได้สะท้อนในราคาน้ำมันดิบตั้งแต่การประชุมในช่วงต้น พ.ย. 2025 แล้ว  และส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่มีแนวโน้มลดลงจากอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปจากจีนที่จะเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น เป็นบวกต่อธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในช่วงที่เหลือของปีซึ่งมีปัจจัยหนุนจากปริมาณการเดินทางที่จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล (Figure 8) และ Sentiment เชิงบวกระยะสั้นจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่คลี่คลายช่วยคลายอุปสรรคการเดินทาง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เชิงกลยุทธ์ เก็งกำไรระยะสั้น OR ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงเชิงธุรกิจผ่านธุรกิจ Non-oil ที่มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพเติบโต

 

ความเสี่ยง: เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน, การเมืองในสหรัฐฯ, สถานการณ์ในตะวันออกกลาง, การเมืองในประเทศ, นโยบายพลังงานสหรัฐฯ และไทย, รัสเซีย-ยูเครน, นโยบายการผลิตของ OPEC+

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5