Strategy
PDF Available  
Bi-Weekly Portfolio Strategy

กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยราย 2 สัปดาห์ ประจำวันที่ 20 - 31 ม.ค. 68

20 Jan 25 1:32 PM
สรุปสาระสำคัญ
  • ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวลง 3.2% ยังคงแย่กว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคซึ่งมีการรีบาวน์ขึ้นมา หลังสหรัฐเผยข้อมูลเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ สวนทางกับในประเทศที่ยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ และอยู่ในภาวะขาดความเชื่อมั่นในประเด็นเรื่อง ESG ของ บจ. ไทย ขณะที่การขึ้นเวทีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ส่วนใหญ่มุ่งเน้นการสร้างความโปร่งใสเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของตลาดซึ่งยังต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการ จึงส่งผลให้ Fund Flow ยังมีทิศทางไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดย 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 7.0 พันลบ. ทั้งนี้หุ้นที่มีแรงซื้อ นำโดย กลุ่มธนาคาร (KBANK SCB KTB) และกลุ่มสื่อสาร (INTUCH TRUE) ส่วนหุ้นที่มีแรงขาย นำโดย กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA CCET ) กลุ่มการแพทย์ (BH BDMS) กลุ่มพลังงาน (PTTGPCSC BGRIM) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT BA ERW MINT CENTEL)

มอง SET มีโอกาสฟื้นแต่ภาพรวมยังเปราะบางหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่

 

  • ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด ทั้งนี้แม้มองปัจจัยภายนอกจากภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ. ในสหรัฐมีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง และท่าทีของว่าที่ ปธน. สหรัฐ โดนัล ทรัมป์ ต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังทำให้ตลาดคลายกังวลได้ในระดับนึง แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศ (นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ) ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากการขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งกระแสเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่น นำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุในวันที่ 27 ม.ค. นี้ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AOT) กลุ่มเนื้อสัตว์ (CPF BTG)

 

2.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT

 

3.หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA AWC AU

 

4.Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก PTTEP

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5