ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นต่ออีก 1.68% สามารถปิดยืนเหนือ 1450 จุดและทำจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 1454.84 จุดเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศลงทุนได้รับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากการแถลงนโยบายรัฐบาลส่วนใหญ่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
จุดผลักดันหลักยังเป็นการแจกเงินสดเฟสแรกให้กลุ่มเปาะบางภายในเดือนนี้จะช่วยหนุนการเติบโตเศรษฐกิจในช่วง 4Q67 รวมทั้งยังมีความคาดหวังนโยบายเศรษฐกิจที่ทยอยออกมาในระยะถัดไป และความคาดหวังเม็ดเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากกองทุนวายุภักษ์ที่อยู่ระหว่างการจองซื้อในสัปดาห์ก่อน จึงหนุนให้ Fund flow ยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและค่าเงินบาทแข็งค่า
โดยสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นที่มีแรงซื้อ นำโดย KBANK BBL BDMS AOT DELTA BANPU IVL ส่วนหุ้นที่มีแรงขาย นำโดย ADVANC PTT PTTEP SCC TOP BCP
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway up และเริ่มมี Upside จำกัด แรงหนุนจะมาจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง บวกกับ ความคาดหวังการออกนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับภูมิภาค สะท้อนได้จาก Fund Flow ในเดือน ก.ย. ที่ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 3 หมื่นลบ. อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะจีน ยังมีแนวโน้มอ่อนแอ
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมองจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าในกลุ่ม Defensive อย่าง กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มค้าปลีก กลุ่มสื่อสาร ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้
1.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งเทคนิคมีสัญญาณกลับตัว และ Valuation ยังไม่แพง
โดยซื้อขายที่ PER และ PBV ต่ำกว่า -1SD แนะนำ AOT CRC AWC BCH BEM
2.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม
แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งสถิติปี 2553-2566 (เฉพาะปีที่เกิดน้ำท่วมในภาวะ La Nina ดังที่เกิดในปีนี้ ยกเว้นปี 2563 ซึ่งตลาดหุ้นไทยผันผวนสูงจากวิกฤต COVID-19) พบว่าหากซื้อลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%
3.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม Reits (LHHOTEL DIF)
4.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ
1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5%
2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว
3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO
5 หุ้น Top Pick Bi-weekly Portfolio