Strategy
PDF Available  
Bi-Weekly Portfolio Strategy

กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยราย 2 สัปดาห์ ประจำวันที่ 7 - 18 ต.ค. 67

7 Oct 24 1:17 PM
สรุปสาระสำคัญ

ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET พลิกปรับลง 0.51% โดยแม้สัปดาห์แรกจะมีแรงหนุนจากการที่ประเทศจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ทำให้ SET Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปทำจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 1471.69 จุดในวันที่ 25 ก.ย. 24 แต่ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากความกังวลเงินบาทแข็งค่ารวดเร็วจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก

มอง SET มี upside จำกัด หลังขาดปัจจัยใหม่และมีความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

  • ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET พลิกปรับลง 0.51% โดยแม้สัปดาห์แรกจะมีแรงหนุนจากการที่ประเทศจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ทำให้ SET Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปทำจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 1471.69 จุดในวันที่ 25 ก.ย. 24 แต่ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากความกังวลเงินบาทแข็งค่ารวดเร็วจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับตัวและส่งสัญญาณ Risk off เนื่องจากกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะลุกลามเป็นวงกว้าง จึงทำให้เริ่มเห็น Fund flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย โดยสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นที่มีแรงซื้อ นำโดย KTB GULF INTUCH DELTA PTT ส่วนหุ้นที่มีแรงขาย นำโดย  PTTEP CPALL BDMS BBL TRUE BGRIM BH STA

  • ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว sideway โดยมี upside จำกัด เนื่องจากในประเทศขาดปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของ ธปท. และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งอาจถูกหักล้างด้วยความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะสั้น อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในภาวะ Risk-off หลังกังวลความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง จึงทำให้ Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ขณะที่ปัจจัยภายนอกมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะไม่ส่งผลต่อตลาดการเงินมากนัก โดยคาดทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1.ธีม Earnings Play สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ต้องการหุ้นพื้นฐานดีที่กำไร 3Q67 คาดมีโมเมนตัมเติบโต YoY และ QoQ เลือก BEM BCH BDMS GULF TRUE

2.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO

3.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม Reits (LHHOTEL DIF)

4.ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะลุกลามเป็นวงกว้าง โดยประเมินกรอบราคา 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

 

5 หุ้น Top Pick  Bi-weekly Portfolio

bi1.png

 

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง bi-weekly portfolio Biweekly Portfolio Strategy

 

bi2.png

 

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5