กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยราย 2 สัปดาห์ ประจำวันที่ 31 มี.ค. - 15 เม.ย. 68

• ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ฟื้นตัวเล็กน้อยเพียง 0.1% และยังปิดที่ระดับต่ำกว่า 1,200 จุด ต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยแม้ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มฟื้นตัว หลัง valuation อยู่ในระดับต่ำ และ ธปท. ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์ LTV เพื่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯ อีกทั้ง PTT ประกาศแผนซื้อหุ้นคืน และราคาน้ำมันฟื้นตัวจากความกังวลด้านอุปทาน ภายหลังสหรัฐมีมาตรการเพื่อจำกัดการส่งออกน้ำมันจากอิหร่านและเวเนซุเอลาเพิ่มเติม โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงมียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยราว 7.57 พันลบ. ทั้งนี้หุ้นที่มีแรงซื้อและปรับขึ้นได้ดี ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (KBANK KTB BBL) กลุ่มพลังงาน (PTT PTTEP) และกลุ่มสื่อสาร (ADVANC  TRUE) ส่วนหุ้นมีแรงขายและปรับตัวลง ได้แก่ DELTA AOT BDMS SCC PTTGC TOP BH  
• ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวน โดยอาจมีแรงขายลดความเสี่ยงจากความกังวลผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นและสงครามการค้า โดยหาก ปธน. ทรัมป์มีท่าทีเดินหน้าขึ้นภาษีต่อเนื่องและมีการตอบโต้จากประเทศคู่ค้าคาดจะกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก และกดดันทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสทำนิวโลว์ อย่างไรดี มองว่าหาก SET ปรับตัวลงไปในช่วง 1,100-1,130 จุด จะเป็นโอกาสลงทุน เนื่องจากมี Downside จำกัด ขณะที่หากพิจารณาภาพเศรษฐกิจของจีนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงทั้งภาคการผลิตและภาคบริการจากความไม่ชัดเจนของนโยบายภาษี แต่มองจะไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดกังวล ด้านเงินเฟ้อไทย มี.ค. น่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. มากนัก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
• หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน ThaiESGX โดยคัดเลือกจาก 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YoY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และ 3) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 68 อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้น SET50 ที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC BBL BDMS CPALL PTT ส่วนหุ้น SET100 ที่น่าสนใจ ได้แก่ BCH BTG
  หุ้นปันผลคุณภาพดี โดยมีคุณสมบัติ 1) มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปีขึ้นไป และมี SET ESG Rating ตั้งแต่ระดับ A-AAA 2) คาดบริษัทจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ยังให้ Div. Yield สูงเกิน 4% และ Div. payout ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว  และ 3) ปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง และราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside เกิน 15%  แนะนำ KTB BBL KBANK
• หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน โดยคัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุน โดยมีคุณสมบัติ 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YoY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Interest Coverage ratio > 1) 3) Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 2% และ 5) มี SET ESG Rating ระดับ A-AAA แนะ-นำ MTC MINT AMATA BJC CPF 
  Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้ผลบวกทางอ้อมจากเหตุแผ่นดินไหว ได้แก่ HMPRO SCCC TRUE ADVANC STECON 2) หุ้น Domestic Play หากกังวลสงครามการค้ารุนแรงขึ้น ได้แก่ CPALL ADVANC TRUE BTG BCH และ 3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากเข้าสู่ เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจากข้อมูลในอดีต 13 ปีทีผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนที่ดีในเดือน เม.ย. เฉลี่ย 2.8%MoM ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (CPAXT CPALL) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT) และกลุ่มการแพทย์ (BCH BDMS)

5 หุ้น Top Pick  Bi-weekly Portfolio

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง bi-weekly portfolio Biweekly Portfolio Strategy