มอง SET แกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง
แม้ช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET จะปรับตัวลง 2.08% แต่มีความผันผวนที่สูงมาก โดยช่วง 2 สัปดาห์แรก ผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาและการที่ ปธน. ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีตอบโต้จากประเทศคู่ค้าในอัตราที่สูงกว่าคาดมาก รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับลงแรงจากกังวลอุปสงค์น้ำมันโลกชะลอตัว ได้กดดันให้เกิดแรงขายลดความเสี่ยงในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยในส่วนของ SET ปรับลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,056.41 จุด ต่ำสุดในรอบ 5 ปี (นับตั้งแต่ 25 มี.ค. 63) ก่อนที่ดัชนีจะฟื้นตัวดีขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลัง ปธน. ทรัมป์ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีสินค้าตอบโต้บางส่วนเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางให้เจรจาทางการค้า รวมทั้งชะลอเรียกเก็บภาษีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากจีนออกไปชั่วคราวก่อน ทั้งนี้ช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติยังคงมียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยราว 9.97 พันลบ. ทั้งนี้หุ้นที่มีแรงขายมาก นำโดย กลุ่มธนาคาร (KBANK SCB KTB BBL) กลุ่มพลังงาน (PTT PTTEP) และกลุ่มนิคม (WHA AMATA) ส่วนหุ้นมีแรงซื้อและปรับขึ้น นำโดย กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) กลุ่มการแพทย์ (BDMS BH BCH) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มพาณิชย์ (HMPRO BJC GLOBAL)
ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศมองยังไร้ปัจจัยบวกใหม่และอยู่ระหว่างจับตาการเข้าเจรจาทางการค้าของรัฐบาลไทยกับสหรัฐ ซึ่งคาดข้อสรุปอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักและ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50 : ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100 : BCH BTG
หุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD และมี SET ESG Rating ระดับ A-AAA ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% แนะนำ BJC CPF AP HMPRO OR
Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำ หุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร
5 หุ้น Top Pick Bi-weekly Portfolio
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง bi-weekly portfolio Biweekly Portfolio Strategy