สรุปสาระสำคัญ
หุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีกของเรา ได้แก่ CRC HMPRO CPALL
What’s new? (นสพ. ประชาชาติธุรกิจ / กรุงเทพธุรกิจ)
- มาตรการ Easy e-Receipt 2.0 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. ไปจนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2568 เป็นเวลา 1 เดือนครึ่ง โดยให้ผู้เสียภาษีสามารถนำค่าซื้อสินค้าหรือบริการมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ทั้งนี้ สรรพากรคอนเฟิร์มว่ายังสามารถนำค่าซื้อสินค้าโอท็อป หรือสินค้าหรือรับบริการจากวิสาหกิจชุมชนมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งรวมกันแล้วหักลดหย่อนไม่เกิน 50,000 บาท
- นอกจากนี้ จากข่าวเพิ่มเติมจาก CPALL ร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ เข้าร่วม Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท รวมสินค้า OTOP-SME เผยสามารถขอ e-Tax Invoice ผ่าน 7 APP และพนักงานโดยตรง อาทิเช่น สินค้าท้องถิ่นและภูมิปัญญาไทย ได้แก่ น้ำพริก ผัดหมี่อุดร แหนมหมูย่าง ก๋วยจั๊บอุบลกึ่งสำเร็จรูป น้ำอินทผลัมสกัด ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เป็นต้น สินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค ได้แก่ ยาสีฟันสมุนไพร แชมพูใบหมี่อัญชัน น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น หมอน ขนมเปี๊ยะ หนังปลาแซลมอนอบกรอบ ทองม้วน กล้วยแปรรูป มะพร้าวแก้ว ครองแครงกรอบ ขนมผิง ลูกอมกะทิ เป็นต้น
Comment
- จากการสอบถามบริษัทในกลุ่มค้าปลีก หากซื้อเฉพาะสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ผ่าน modern trade สามารถใช้ลดหย่อนภาษีภายใต้มาตรการดังกล่าวได้
- ซึ่งประเด็นของการซื้อสินค้า OTOP ที่สามารถออกใบเสร็จลดหย่อนภาษีในมาตรการ Easy e-Receipt 2.0 ได้ จะช่วยเสริมปัจจัยบวกกับ SSS ของ food retailers (CVS, hypermarket, supermarket) เช่น CPALL, CPAXT, BJC และ CRC (Tops) สำหรับบิลเล็กภายใต้สินค้า OTOP นอกเหนือจาก non-food retailers ที่น่าจะได้รับประโยชน์การออกใบเสร็จลดหย่อนภาษีสำหรับบิลใหญ่ในสินค้าปกติ (ไม่เกิน 3 หมื่นบาท) เช่น CRC HMPRO