บทสรุป
• การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. 2024 เป็นที่จับตาของนักลงทุนทั่วโลก นโยบายที่มีความแตกต่างกันอาจนําไปสู่มุมมองการลงทุนที่ ต่างกัน อ้างอิงข้อมูลสถิติพบว่าตลาดหุ้นโลกมักโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกในช่วงหลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าพรรคใดจะชนะการเลือกตั้ง โดย SET Index และ S&P500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 9.7% และ 8.5% ตามลําดับ ในช่วง 3 เดือนหลังวันเลือกตั้ง ทั้งนี้ตลาดมักผันผวนในช่วงก่อนการ เลือกตั้งมองเป็นโอกาสสะสม
• กลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทย : กลุ่มที่มักให้ผลตอบแทนดีกว่า SET Index ได้แก่ธนาคาร อสังหาฯ และ ขนส่ง ขณะที่กลุ่มเกษตร, ค้าปลีก, พลังงาน และสื่อสารมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียง SET ทั้ งนี้ในเชิงกลยุทธ์ลงทุนสําหรับหุ้นไทย เราแนะนํา AOT, AP, BBL, CPALL, GULF และ SIRI ซึ่ง คาดได้อานิสงส์บวกจากเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียหลังการเลือกตั้งสหรัฐ อีกทั้ งยังมีปัจจัยหนุนเพิ่ มเติมจากปัจจัยฤดูกาลภายในประเทศ , เม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษีและการเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยขาลงช่วยสนับสนุน
• กลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ในเชิงสถิติอุตสาหกรรมที่ Outperform S&P500 ได้แก่ Financial, Consumer Discretionary, Industrial และ Materials โดยเชิงกลยุทธ์ลงทุนแนะนํา AMZN, V และ MA ขณะที่กลุ่ม Technology มีโอกาสให้ผลตอบแทน Outperform S&P500 ได้ เช่นกัน จากอานิสงส์กระแสความต้องการผลิตภัณฑ์ AI และการเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ย
ขาลง ท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐฯ เชิงกลยุทธ์ลงทุนแนะนํากลุ่ม Magnificent 7 (MSFT),
ธุรกิจ Software (ORCL และ PANW) และ ธุรกิจ Semiconductor (AMD และ TSMC)