Lifestyle Inflation กับดักที่ทำให้เราไม่มีเงินเก็บเสียที

เนื้อหาโดยรวม

ยิ่งอายุมากขึ้น ตำแหน่งสูงขึ้น รายได้มากขึ้น ภาระยิ่งเยอะขึ้น ยิ่งใช้จ่ายมากขึ้น กลายเป็นว่าไม่มีเงินเก็บ หรือเก็บเงินได้น้อยกว่าตอนที่เงินเดือนน้อย หากว่าใครมีรายได้สูง แต่ไม่มีเงินเก็บ อาจจะแปลว่าคุณกำลังติดกับดัก Lifestyle Inflation อยู่ รีบออกมาด่วน ก่อนที่จะสายเกินแก้

เช็กตัวเองด่วน เราติดกับดัก Lifestyle Inflation อยู่หรือเปล่า?

Lifestyle Inflation คือ การที่เรามีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตาม กับดักไลฟ์สไตล์นี้มีหลายคนอาจเป็นอยู่แต่ไม่รู้ตัว! สาเหตุสำคัญที่เราติดกับดัก เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินที่เราหาได้ เป็นตัวกระตุ้นให้เราคิดว่า อ้าว! เราก็จ่ายได้นี่ เราจ่ายไหว ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นอาจจะไม่ได้จำเป็นเลย

ตัวอย่างสัญญาณที่บอกว่าเรากำลังติดกับดัก Lifestyle Inflation เช่น เดิมทีเช่าคอนโดห้อง Studio ราคา 6,000 บาท พอเงินเดือนเพิ่มขึ้นจึงอยากเช่าคอนโดห้องที่กว้างมากขึ้น มีห้องนอนแยก ขอวิวสวยกว่านี้อีกนิด ทำให้ค่าเช่าจากเดิมที่จ่ายอยู่ 6,000 ต่อเดือน ก็ขยับเป็น 10,000 ต่อเดือน หรือจากที่เคยดื่มกาแฟแก้วละ 60 ก็ขยับขึ้นเป็นแก้วละ 120 บาท

วงจรชีวิตของ Lifestyle Inflation

หากว่าเรากำลังติดกับดัก Lifestyle Inflation วงจรชีวิตจะเป็นคนที่ทำงานหนัก ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เงินเดือนเพิ่มขึ้น ทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ใช้เงินเดือนชนเดือนทุกเดือน ทำให้พยายามทำงานหนักมากขึ้น เพื่อให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งมาพร้อมกับเงินเดือนที่มากกว่าเดิม

7 สัญญาณว่าเรากำลังติดกับดัก Lifestyle Inflation

หากว่าเรามีไลฟ์สไตล์แบบนี้ เป็นไปได้ว่าเรากำลังติดกับดักโดยไม่รู้ตัว

1. เป็นหนี้บัตรเครดิต หากว่าเราไม่สามารถจ่ายหนี้บัตรเครดิตได้เต็มจำนวน จ่ายขั้นต่ำตลอด แสดงว่าเรากำลังขาดวินัยทางการเงิน และใช้เงินเกินตัว ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยราคาแพง และเป็นหนี้ที่ดอกเบี้ยทบต้น คือ จ่ายดอกเบี้ยเดือนใหม่ โดยคำนวณจากเงินต้นรวมกับดอกเบี้ยเดือนเก่าที่เราจ่ายไม่หมด ทำให้เงินต้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้เราใช้หนี้ไม่หมดเสียที รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นหนี้หลักแสนไปเสียแล้ว

2. ไม่ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของตนเอง รู้หรือไม่ว่า การไม่ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราไม่มีเงินเก็บ เพราะเรามักจะมีความคิดเข้าข้างตัวเองว่า เรามีเงินเหลือใช้ เราสามารถบริหารจัดการได้ ทั้ง ๆ ที่เราไม่เห็นตัวเลขเงินเข้าเงินออกที่แท้จริง ดังนั้น ควรเซตเวลาที่เราว่างของทุกวันหรือทุกสัปดาห์ในการจัดการบัญชีรายรับรายจ่ายของเราด้วย

3. ไม่มีวินัยทางการเงินที่ดี เราควรจะแบ่งสัดส่วนทางการเงินให้ชัดเจน เช่น ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 50% ใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อความสุข 30% เก็บออมหรือลงทุน 20% หรือเราจะแบ่งในสัดส่วนอื่น ๆ ก็ได้ แต่เราควรกำหนดงบประมาณก่อนใช้จ่ายทุกครั้ง และเคร่งครัดต่อวินัยทางการเงิน

4. ใช้จ่ายเงินก่อนที่จะมีรายได้ หลายคนคิดว่าตัวเองจะสามารถหาเงินได้แน่ ๆ จึงใช้จ่ายเงินในอนาคต แต่พอเอาเข้าจริง กลับไม่มีเงินเข้ามา ทำให้ต้องหาเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ดังนั้น หากไม่จำเป็นจริง ๆ ให้มีเงินมานอนในบัญชีเราก่อน แล้วค่อยจ่าย ไม่งั้นเราก็จะไม่มีเงินเก็บตลอดไป

5. ไม่มีใครใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเท่ากับเรา แน่นอนว่าทุกคนอยากจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ทำสิ่งที่อยากทำ ได้ซื้อของที่อยากได้ แต่หากว่าเราทำตามใจตัวเองมากเกินไป เราก็อาจจะทุกข์ใจในภายหลัง เพราะไม่มีเงินเก็บ ฉะนั้นลองคิดดี ๆ ว่า สิ่งที่เราต้องการซื้อจำเป็นจริง ๆ หรือไม่ เพื่อหักห้ามใจตัวเอง

6. ไม่คิดก่อนที่จะซื้อ หลายคนเห็นโปรโมชัน แม้ยังไม่จำเป็นแต่ก็ซื้อมาเก็บเอาไว้ ดังนั้น พยายามอย่ารีบร้อนซื้อจนเกินไปนัก กลับมานอนคิดก่อน แล้วค่อยซื้อก็ยังไม่สาย นอกจากนี้ ยังมีฝั่งตรงกันข้ามคือ ซื้อของราคาเต็ม ไม่รอโปร เพราะคิดว่าต้องใช้งาน แต่จริง ๆ กลับไม่จำเป็นต้องซื้อเลย

7. ทำงานไม่มีเงินเก็บ ไม่เป็นไร ได้ใช้ชีวิตก็พอ ทำให้เราใช้จ่ายเงินเกินตัว และไม่สนใจที่จะเก็บเงินเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือยามเกษียณ

5 เทคนิคหยุด Lifestyle Inflation

หากว่าใครอยากจะหยุดวงจรชีวิต เงินเดือนเยอะไม่มีเงินเก็บ เราสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยเทคนิค 5 ข้อนี้

1. เก็บก่อนใช้ มีวินัยทางการเงิน ได้เงินเดือนมาอย่าเพิ่งใช้ ให้บริหารเงินเดือน โดยแบ่งเงินเป็นส่วน ๆ ตามความจำเป็น เพื่อสร้างวินัยทางการเงิน

2. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายส่วนตัว โดยคำนวณเงินทุกบาททุกสตางค์ เราจะได้เห็นว่า ในเดือนหนึ่งเราใช้จ่ายไปกับอะไรมากที่สุด

3. ถามตัวเองว่า “อยากได้” หรือ “จำเป็น” อย่าซื้อของที่อยากได้มากเกินไปจนเกินงบ จนไม่มีเงินซื้อของที่จำเป็น ดังนั้น ก่อนซื้อทุกครั้งให้ถามตัวเองว่าจำเป็นไหม หรือแค่อยากซื้อ อยากได้ อยากมีอวดคนอื่น

4. หยุดเป็นหนี้บัตรเครดิต อย่าใช้เงินเกินตัว ให้จ่ายบัตรเครดิตในจำนวนเต็มทุกครั้ง เพื่อได้รับสิทธิพิเศษในระยะปลอดดอกเบี้ย หากว่าคิดว่าหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ ใช้เงินสดแทนจะดีกว่า

5. อย่าสร้างภาระค่าใช้จ่ายเกินพอดี ก่อนที่จะสร้างรายจ่ายระยะยาว ลองคำนวณก่อนว่า นอกจากเงินที่เราสามารถจ่ายได้แล้ว เรายังเหลือพอเก็บและใช้ชีวิตได้หรือเปล่า การกู้เงินซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อสมาร์ตโฟนในราคาที่สูงจนเกินไป อาจทำให้เราทุกข์ใจในภายหลังได้เช่นเดียวกัน

พออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า เราทำงานหนัก แต่ไม่สามารถใช้เงินซื้อความสุขหรือให้รางวัลกับตัวเองได้เลยหรือ? ขอตอบว่า “ได้” แต่จะดีกว่าไหม... หากลองคำนึงสักนิดถึงความจำเป็นก่อนที่จะหยิบเงินใช้จ่ายอะไรบางอย่างไป เพื่อที่เราจะได้นำรายได้ส่วนที่เหลือและเพิ่มขึ้นนั้นมาต่อยอดการลงทุน เพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคตแทน เพราะไม่เช่นนั้นเราอาจจะต้องติดกับดัก Lifestyle Inflation นี้ไปตลอด ทำให้เงินเดือนเยอะขึ้นทุกปี แต่ไม่มีเงินเก็บเลย และทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมายทางการเงินสักที!