passive income

สร้าง Passive Income ด้วยการลงทุนแบบ DCA

27 May 23 8:00 AM
Saving1
สรุปสาระสำคัญ

สร้าง Passive Income จากการลงทุนแบบ DCA เริ่มง่ายกว่าที่คิด รู้จักการสร้าง Passive Income สำหรับมนุษย์เงินเดือนและทุกอาชีพ พร้อมเข้าใจว่า DCA คืออะไรให้มากขึ้น

สร้างรายได้ Passive Income จากการลงทุนแบบ DCA อย่างไรให้เห็นผล?

โลกการทำงานที่วุ่นวายและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อาจทำให้ใครหลายคนเริ่มต้นมองหาช่องทางการสร้างรายได้ที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตโดยที่ไม่ต้องเสียแรงและเวลาทำงานเหมือนอย่างที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ การสร้างรายได้ Passive Income จากช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้าง Passive Income จากการลงทุน

 

สำหรับมนุษย์เงินเดือน รวมไปถึงนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่กล้าลงทุนในตลาดการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก การลงทุนแบบ DCA ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการลงทุนที่ช่วยสร้างรายได้ Passive Income ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างวินัยการลงทุน พร้อมช่วยบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนได้หลายแง่มุมเช่นกัน ใครอยากมี Passive Income ตั้งแต่ตอนนี้ มาทำความรู้จักทุกรายละเอียดเรื่องการลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income กัน

 

สร้าง Passive Income จากการลงทุนแบบ DCA อย่างไร?

 

Passive Income คืออะไร?

Passive Income คือ การสร้างรายได้จากผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากการเป็นเจ้าของทรัพย์สินบางประเภท ซึ่งถือเป็นการสร้างรายได้แบบไม่ต้องใช้เวลาเข้ามานั่งทำงานในออฟฟิศ หรือ จากที่ไหน ๆ เหมือนอย่างเคย และด้วยแนวคิดการทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงและเวลาเพื่อสร้างรายได้เหมือนที่ผ่านมา ใครหลายคนจึงเรียกการสร้าง Passive Income ว่าเป็นการมีอิสรภาพทางการเงินเป็นของตัวเอง

 

เช็กให้ชัวร์! Passive Income ต่างจาก Active Income อย่างไร?

Active Income เป็นการสร้างรายได้ที่เกิดขึ้นจากการทำงานประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดธุรกิจ หรือแม้แต่การเป็นพนักงานประจำ ซึ่ง Active Income นี้มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปจากหลายปัจจัย เช่น การรับตำแหน่งใหม่ เงินเดือนที่ปรับเพิ่มขึ้น ไปถึงทักษะและความเชี่ยวชาญที่มากขึ้น แต่หากวันใดที่ไม่สามารถทำงานได้เมื่อไหร่ โอกาสในการสร้าง Active Income ก็จะจบลงเช่นกัน

ในขณะที่รายได้แบบ Passive Income แม้จะมีอิสระในการทำงานมากกว่า แต่การสร้างรายได้ก็จะขึ้นอยู่กับมูลค่าของทรัพย์สินที่ถือครอง ไปจนถึงความสามารถและประสบการณ์ในการบริหารทรัพย์สินเพื่อสร้างผลตอบแทน ดังนั้น ผู้ที่อยากมี Passive Income จึงต้องมีความรู้และความสามารถในการเลือกและบริหารทรัพย์สินร่วมด้วย

 

ประเภทของ Passive Income

คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจว่า การสร้าง Passive Income ต้องมาจากการลงทุนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนยังสามารถสร้าง Passive Income ได้มากถึง 6 ประเภทด้วยกัน ซึ่งจะประกอบไปด้วย

 

1. กำไรจากการลงทุน เช่น กำไรจากการซื้อขายหุ้น กองทุน ไปจนถึงทรัพย์สินเพื่อการลงทุนประเภทต่าง ๆ

 

2. เงินปันผล จากการลงทุนที่บริษัท กลุ่มอุตสาหกรรม หรือธุรกิจที่เข้าไปร่วมลงทุนจะปันผลกำไรคืนแก่ผู้ร่วมลงทุน ซึ่งการลงทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลจะประกอบไปด้วยกองทุน และ หุ้น

 

3. ค่าเช่า จัดเป็นรายได้ Passive Income ที่เกิดขึ้นจากการปล่อยเช่าสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ เช่น อุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ บ้าน ที่ดิน คอนโด ไปจนถึงการลงทุนสร้างหอพักและอพาร์ทเมนต์เพื่อปล่อยเช่า

 

4. ดอกเบี้ย เช่น เงินฝากประจำ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีสร้าง Passive Income เบื้องต้นสำหรับมนุษย์เงินเดือนและทุกอาชีพ

 

5. มูลค่าเพิ่มสินทรัพย์ หรือ Capital Gain ที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินที่ถือครอง เช่น หุ้นที่ราคาสูงขึ้น ที่ดินและคอนโดมีราคาสูงกว่าราคาซื้อในอดีต หากตัดสินใจขายในปัจจุบันก็จะได้กำไรจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้น

 

6. กำไรจากการขายและให้บริการ เช่น การขายสินค้า ค่าสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ค่าเก็บโฆษณา ค่าสมัครรับข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ เป็นต้น

 

 

อยากมี Passive Income จัดพอร์ตลงทุน DCA อย่างไร

 

สร้าง Passive Income ด้วยการลงทุนแบบ DCA อย่างไร?

แม้จะสามารถสร้าง Passive Income ได้จากหลายช่องทาง แต่สำหรับผู้ที่ต้องทำงานประจำ หรือ ยังไม่มีเงินทุนมากพอในการซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างที่ดิน บ้าน หรือคอนโดเพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่า การเริ่มต้นลงทุนด้วยเทคนิคขั้นพื้นฐานอย่าง DCA ถือเป็นก้าวแรกที่ช่วยสร้าง Passive Income ที่มีประสิทธิภาพได้เช่นกัน

 

DCA คืออะไร?

การลงทุนแบบ DCA หรือ Dollar-Cost Averaging คือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยที่นักลงทุนจะลงทุนด้วย “เงิน” หรือ “กำหนดจำนวนหน่วยลงทุน” ที่เท่ากันในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ลงทุนเดือนละ 1,000 บาท หรือ ซื้อกองทุนจำนวน 1,000 หน่วยลงทุนทุกเดือน โดยไม่คำนึงถึงราคาซื้อขาย หรือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดลงทุน ในตลาดการลงทุนที่มีราคาซื้อขายขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง

 

การลงทุนแบบ DCA จะช่วยให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์การลงทุนด้วยต้นทุนที่แตกต่างกัน แต่เมื่อถัวเฉลี่ยแล้วก็จะทำให้ต้นทุนการลงทุนต่ำลง ทั้งยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพสูงได้

 

ปรับใช้การลงทุนแบบ DCA ในสินทรัพย์ใดได้บ้าง?

นักลงทุนสามารถปรับใช้เทคนิคการลงทุนแบบ DCA ได้กับสินทรัพย์การลงทุนหลายประเภท โดยนักลงทุนอาจเลือก DCA หุ้นที่สนใจ ตราสารหนี้ หุ้นกู้ หรือสร้าง Passive Income จากกองทุนโดยการทำ DCA อย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจ ประสบการณ์ ตลอดจนความเสี่ยงที่รับไหว

 

ไม่ว่าจะตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ไหน หากต้องการลงทุนแบบ DCA เพื่อสร้าง Passive Income เมื่อไหร่ ขอแนะนำให้เริ่มต้นลงทุนตามขั้นตอนดังนี้

 

1. กำหนดเป้าหมายการลงทุน เป้าหมายการลงทุนในแต่ละพอร์ตที่แตกต่างกันส่งผลต่อการเลือกประเภทสินทรัพย์การลงทุน ความเสี่ยง ไปจนถึงระยะเวลาในการลงทุนที่เหมาะสม เช่น หากมีเป้าหมายเพื่อการเกษียณอายุก็อาจเลือกจัดพอร์ตที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนระยะยาว แต่หากมีเป้าหมายในอนาคตอันใกล้ก็อาจเลือกสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะสั้นได้

 

2. พิจารณาความเสี่ยงที่รับไหว การเลือกระดับความเสี่ยงในการลงทุน นอกจากเป้าหมายที่ต้องการแล้ว นักลงทุนยังอาจพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมได้ เช่น อายุ จำนวนเงินที่ลงทุนและความต้องการจากการลงทุน ไปจนถึงภาระทางการเงิน และสภาพคล่องทางการเงินในปัจจุบัน

 

3. เลือกสินทรัพย์การลงทุนที่สนใจ การเลือกสินทรัพย์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้พิจารณาแค่เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนที่จะได้รับเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความสนใจของนักลงทุนด้วย เช่น บางคนอาจสนใจในธุรกิจพลังงานก็อาจเลือก DCA หุ้นธุรกิจพลังงานได้ หรือหากใครสนใจธุรกิจทางการแพทย์ก็อาจเลือกสร้าง Passive Income จากหุ้นและกองทุนโดยการทำ DCA ในธุรกิจกลุ่มสุขภาพก็ได้เช่นกัน

 

4. วางแผนและจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมในทุกช่วงเวลา ลักษณะที่ดีของพอร์ตเพื่อสร้าง Passive Income คือ พอร์ตการลงทุนที่มีการวางแผนและปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพในทุกช่วงเวลา เช่น หากใครสร้างผลตอบแทนสูงกว่าสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรกก็อาจ Rebalancing พอร์ตการลงทุน และนำผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นไป DCA ในการลงทุนอื่น หรือ สะสมเอาไว้เป็นเงินเก็บสำรองก็ได้เช่นกัน

 

ข้อดี - ข้อควรระวังของการลงทุนแบบ DCA

นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการลงทุนได้แล้ว การลงทุนแบบ DCA ยังช่วยนักลงทุนสร้างวินัยการลงทุน ทั้งยังช่วยตัดปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากเวลาและอารมณ์ของนักลงทุนได้ เนื่องจากการลงทุนแบบ DCA จะเป็นเทคนิคที่ต้องซื้อสินทรัพย์การลงทุนในระยะเวลาที่กำหนดเสมอโดยไม่คำนึงถึงสภาพตลาดในขณะที่ทำการเข้าซื้อ นอกจากนี้ การลงทุนด้วยเทคนิค DCA ยังช่วยให้ทุกคนเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินทุนที่ต้องการ ทำให้เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือน นักลงทุนมือใหม่ ไปจนถึงผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์การลงทุน

 

อย่างไรก็ดี การลงทุนด้วยเทคนิค DCA อาจเป็นการลงทุนที่ไม่เหมาะกับสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมาก เนื่องจากการเข้าซื้อขายโดยไม่จับจังหวะการลงทุนให้ดีอาจทำให้ขาดทุน หรือ สร้างผลตอบแทนที่ไม่มีประสิทธิภาพได้เช่นกัน ดังนั้น นักลงทุนจึงควรวางแผนการลงทุนให้ดี พร้อมเลือกสินทรัพย์การลงทุนที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ต้องการ

 

เพียงเท่านี้ ทุกคนก็เข้าใจพื้นฐานการสร้าง Passive Income จากการลงทุนแบบ DCA แล้ว โดยนอกจากสินทรัพย์การลงทุนในประเทศไทยแล้ว นักลงทุนยังสามารถปรับใช้การลงทุนแบบ DCA เพื่อสร้างผลตอบแทนในตลาดต่างประเทศได้เช่นกัน ซึ่งสามารถเริ่มต้นลงทุนสินทรัพย์การลงทุนศักยภาพสูงจากต่างประเทศได้กว่า 10,000 หลักทรัพย์กับ InnovestX เพียงเปิดบัญชีผ่านแอปฯ ใน 4 ขั้นตอนก็พร้อมลงทุนได้ทันที

 

หรือหากยังไม่มั่นใจว่าจะสร้าง Passive Income จากการลงทุนได้อย่างไร หรือ ไม่รู้ว่าควรจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรให้เหมาะสม คุณยังสามารถใช้บริการบริหารพอร์ตอัตโนมัติ ภายในแอปฯ เพื่อเริ่มต้นสร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความต้องการเฉพาะบุคคลได้ เพียงเริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 5,000 บาท ก็เหมือนมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาแนะนำให้แบบส่วนตัว วางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิ พร้อมปรับใช้เทคนิคการลงทุนแบบ DCA ร่วมกับบริการบริหารพอร์ตอัตโนมัติได้แล้ววันนี้ เพียงดาวน์โหลดแอปฯ InnovestX ที่ App Store และ Google Play Store ก็พร้อมสร้าง Passive Income จากสินทรัพย์การลงทุนต่างประเทศได้ทันที

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5