Active ETF vs Passive ETF
ETF หรือ Exchange Traded Fund เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง ที่มีการจดทะเบียนจึงทำสามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนกับหุ้น สำหรับประเทศไทยนั้น ETF จะมีเฉพาะกองทุนดัชนีเท่านั้น ดังนั้น ETF ในประเทศไทยทั้งหมดจึงเป็น ETF ที่มีนโยบายลงทุนเชิงรับ (Passive Management) เพราะต้องการให้กองทุนมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีมากที่สุด แต่ในต่างประเทศนั้นก็มีกองทุน ETF ทึ่มีนโยบายบริหารงานเชิงรุก (Active Management) ด้วย
📌Active ETF คือ ETF ที่มีนโยบายลงทุนเชิงรุก โดยต้องการให้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนีชี้วัด (Benchmark) หรือมุ่งสร้างผลตอบแทนให้ได้มากที่สุด โดยเลือกประเภทและสัดส่วนของสินทรัพย์การลงทุนให้เหมาะสม ETF ประเภทนี้จึงจำเป็นต้องมีทีมวิเคราะห์การลงทุน ทั้งสภาพเศรษฐกิจโดยรวม และสินทรัพย์ที่จะลงทุน มักจะเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการที่สูงกว่า
Active ETF จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด และเชื่อว่าผู้จัดการกองทุนมีความสามารถคัดเลือกสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าตลาด โดยไม่กังวลถึงค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า Passive Fund โดย Active ETF ชื่อดังที่เราคุ้นหูเป็นอย่างดี เช่น ARK Innovation ETF (ARKK) หรือ Fintech Innovation ETF (ARKF)
📌Passive ETF คือ ETF ที่มีนโยบายลงทุนเชิงรับ หรือเรียกได้ว่าเป็น กองทุนดัชนี เนื่องจากมีนโยบายการลงทุน ให้มีผลตอบใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด (Benchmark) ที่ใช้เทียบเคียงมากที่สุด เช่น ดัชนี S&P500 การลงทุนจะเป็นไปตามดัชนีชี้วัด จึงไม่จำเป็นต้องมีทีมงานวิเคราะห์การลงทุนเป็นทีมใหญ่ ค่าธรรมเนียมการบริหารงานจึงมักจะต่ำกว่า ETF
Passive ETF จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนใน ETF ที่มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า และเชื่อว่าตลาดได้รับข่าวสารอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้ผู้จัดการกองทุนไม่สามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากตลาดได้ ตัวอย่างของ Passive ETF เช่น iShares Core S&P 500 ETF (IVY) หรือ SPDR Gold Shares (GLD)
💁🏼♀️สามารถลงทุนหุ้นต่างประเทศ และ ETF ได้แล้ววันนี้ บน Innovestx Application
