
INETREIT เป็นกองทรัสต์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหารายได้ประจำจากเทรนด์ดิจิทัลที่กำลังเติบโต โดยเป็นกอง REIT รายแรกและรายเดียวในไทย ที่เน้นลงทุนในทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Data Center ที่ถูกบริหารโดยกลุ่ม INET ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ และมีการจ่ายประโยชน์ตอบแทน อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอโดยอ้างอิงจากข้อมูลในอดีตตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จากกระแสเงินสดที่มีความมั่งคงจากค่าเช่า โดยไม่มีการลดทุน ในขณะที่ยังมีโอกาสขยายตัวต่อได้ในอนาคตตามความต้องการใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ที่สูงขึ้น
กองทรัสต์นี้ทำเงินจากอะไร?
INETREIT เป็นกองทรัสต์ที่ซื้อ data center ของ INET แล้วปล่อยเช่ากลับให้ INET ใช้งาน ลองจินตนาการว่าคุณซื้อคอนโดแล้วปล่อยเช่าระยะยาว ได้ค่าเช่าเข้ามาทุกเดือนนั่นคือสิ่งที่กอง INETREIT ทำกับ data center
กองทรัสต์นำเงินที่ระดมจากนักลงทุนไปซื้อ data center INET-IDC3 ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ให้บริการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลแก่ภาครัฐและเอกชน จากนั้น INET ก็เช่ากลับไปใช้งานภายใต้สัญญาระยะยาวที่ไม่สามารถยกเลิกได้ รายได้ค่าเช่าที่ได้รับจะถูกจ่ายคืนให้ผู้ถือหน่วยอย่างน้อย 90% ของกำไรสุทธิ ปีละอย่างน้อย 2 ครั้ง
จุดเด่นของโมเดลนี้คือความแน่นอนของกระแสเงินสด เพราะมีสัญญาเช่าที่ชัดเจนและผู้เช่าเป็นบริษัทชั้นนำที่มีฐานะการเงินมั่นคง ไม่ใช่ปล่อยเช่าแบบรายเดือนที่อาจเจอห้องว่าง
ใครคือ INET และทำไมถึงเชื่อใจได้?
INET หรือ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอันดับต้นๆ ของไทย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2538 ในฐานะศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตรายแรกๆ ของประเทศ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2544 มี สวทช และ NT Broadband ถือหุ้นรวมกันเกือบ 50%
ปัจจุบัน INET ให้บริการครบวงจรตั้งแต่ Cloud Services, Data Center, Internet Connectivity ไปจนถึง Digital Platform Solutions โดยมีฐานลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 1,000 ราย รวมถึงเป็นผู้ให้บริการ Government Cloud ภายใต้โครงการของกระทรวงดิจิทัลฯ โดย INET มี Market Share อันดับ 1 สำหรับ Local Cloud Service Provider ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีรายได้เติบโตและอัตรากำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานประจำปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 2,531 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 384 ล้านบาท โดยมี Revenue และ EBITDA CAGR 2565-67 อยู่ที่ 10.9% และ 25.4% ตามลำดับ รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อย่าง Cloud และ Data Center ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องตามแนวโน้ม AI, 5G และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ที่สำคัญ ค่าเช่าที่ INET ต้องจ่ายให้กอง INETREIT นั้นคิดเป็นสัดส่วนที่อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ตามฐานกำไรและกระแสเงินสดของ INET แสดงให้เห็นว่า INET มีกำลังทางการเงินเพียงพอที่จะชำระค่าเช่าได้อย่างสบายในระยะยาว
ทำไมธุรกิจ Data Center ถึงน่าสนใจ?
ตลาด data center และ Cloud Storage ทั้งในไทยและทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากการขยายตัวของเทคโนโลยี AI ที่ต้องการพลังประมวลผลมหาศาล การเปิดตัว 5G ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลแบบ Real-time และนโยบาย Digital Transformation ของภาครัฐและเอกชนที่กำลังเร่งเครื่อง
สิ่งที่น่าสนใจคือ ธุรกิจนี้มีลักษณะเป็นโครงสร้างพื้นฐานจำเป็น คล้ายกับสาธารณูปโภค เมื่อองค์กรต่างๆ เริ่มใช้ data center แล้ว การย้ายไปใช้ที่อื่นมีต้นทุนสูงและซับซ้อนมาก ทำให้ผู้ให้บริการมีอำนาจต่อรองสูง และลูกค้ามักใช้บริการต่อเนื่องระยะยาว
รัฐบาลไทยยังมีนโยบาย Cloud First Policy ที่ผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐเปลี่ยนมาใช้ระบบคลาวด์ ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญให้ธุรกิจของ INET เติบโตต่อไป
ผลตอบแทนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
กอง INETREIT มีประวัติการจ่ายผลประโยชน์ต่อหน่วยอย่างต่อเนื่อง: 0.8717 บ. (2565), 0.7852 บ. (2566), 0.8000 บ. (2567) และ 0.4000 บ. ในงวด 1 ม.ค.–30 มิ.ย. 2568 ด้านผลการดำเนินงาน 6M/2568 กองมีรายได้รวม 343.03 ลบ. (+29% YoY) และมีการรับรู้ตามวิธี EIR/ค่าเช่าระยะสั้น
ในงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 กองมีผลงานที่น่าประทับใจ โดยมีรายได้รวม 343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีก่อน และกำไรสุทธิ 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.7% จากปีก่อน สิ่งที่สำคัญคือกองมี Interest-bearing Debt / Total Assets = 23.87% (1 ม.ค.–30 มิ.ย. 2568) ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกรอบกำกับ ซึ่งช่วยรองรับการลงทุนและระดมทุนในอนาคต
แผนเติบโตในอนาคต: ขยายพอร์ตเฟส 2
กองทรัสต์กำลังดำเนินการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 เพื่อลงทุนใน data center INET-IDC3 เฟส 2 ซึ่งเป็นส่วนขยายของ data center หลักที่กองถือครองอยู่แล้ว โดยได้รับมติจากผู้ถือหน่วยให้ลงทุนเพิ่มไม่เกิน 2,900 ล้านบาท
ผู้ประเมินอิสระ 2 ราย คือ Knight Frank และ Grand Asset Advisory ได้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวไว้ในกรอบราว 3,028-3,029 ล้านบาท โดยใช้ราคา ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งคาดว่าเป็นวันที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม โดยแหล่งเงินจะมาจากการออกหน่วยเพิ่มทุน ไม่มีการกู้ยืมเพิ่ม
เมื่อรวมรายการนี้ สินทรัพย์รวมของกองจะอยู่ราว 10,520 ล้านบาท หนี้รวมราว 1,915 ล้านบาท และยังคงรักษาสัดส่วนหนี้ที่ต่ำไว้ได้ เอกสารประมาณการแสดงอัตรา IRR ประมาณ 11.4% และประมาณการอัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนประมาณ 7% ต่อปี ภายใต้สมมติฐานแบบระมัดระวัง
จุดแข็งที่โดดเด่น
INETREIT มีสิทธิในการพิจารณาเช่าซื้อสินทรัพย์ data center ใหม่ของ INET เป็นลำดับแรก หมายความว่าเมื่อ INET สร้าง data center ใหม่ กอง INETREIT จะได้รับสิทธิในการเข้าซื้อหรือเช่าทรัพย์สินนั้นก่อนบุคคลภายนอก
สิทธินี้เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้กองสามารถเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของธุรกิจ Cloud และ Data Center ของ INET ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ใหญ่ในอนาคต นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่ากองมี Pipeline การเติบโตที่ชัดเจนในระยะยาว
เนื่องจาก INET เป็นผู้เช่าหลักรายเดียวภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวแบบไม่สามารถยกเลิกได้ และเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์ รายได้ของกองจึงมีความแน่นอนสูง ไม่ต้องกังวลเรื่องห้องว่างหรือความผันผวนของอัตราค่าเช่าตามตลาด และสามารถสร้างรายได้ให้แก่กองทรัสต์อย่างไม่ถูกจำกัดระยะเวลา
นอกจากนี้ ธุรกิจของ INET เองก็มีฐานรายได้ที่มั่นคง เพราะเป็นธุรกิจที่สร้าง Recurring Income จากลูกค้าสถาบันขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน การที่มีลูกค้ากระจายกว่า 1,000 ราย ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาลูกค้ารายใดรายหนึ่งมากเกินไป
ซึ่งทรัพย์สินหลักที่จะลงทุนเพิ่มเติมได้รับการออกแบบศูนย์ข้อมูลตามมาตรฐาน Tier Standard Topology ในระดับ Tier-III จาก Uptime Institute ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าการออกแบบโครงการ INET-IDC3 เป็นไปตามมาตรฐานสากล
กองทรัสต์มีนโยบายจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยอย่างต่อเนื่อง และมีแนวทางการจ่ายเป็นรายเดือน แสดงถึงความมั่นคงของกองทรัสต์ และช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ถือหน่วยในระยะยาว
ทีมผู้บริหารของผู้จัดการกองทรัสต์มีประสบการณ์และเครือข่ายที่ครอบคลุมสำหรับธุรกิจ Data Center จึงเชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถบริหารจัดการทรัพย์สิน รวมถึงสรรหาผู้เช่าที่มีคุณภาพและศักยภาพ เพื่อสามารถสร้างรายได้ให้แก่กองทรัสต์และผลตอบแทนต่อผู้ถือหน่วยได้เป็นอย่างที่น่าพอใจ
ความเสี่ยงที่ต้องระวัง
ธุรกิจ data center ต้องลงทุนอัปเกรดระบบต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ทั้งระบบพลังงาน ระบบทำความเย็น ระบบความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อรักษามาตรฐานและความสามารถในการแข่งขัน
หาก data center ล้าสมัยหรือไม่สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ได้ อาจส่งผลต่อความสามารถในการสร้างรายได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม INET มีการดำเนินการตามมาตรฐาน ISO 27001 และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เพื่อควบคุมและตรวจสอบความเสี่ยงดังกล่าว
INET ต้องคงไว้ซึ่งใบอนุญาตและสิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ใบอนุญาตจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล หากใบอนุญาตเหล่านี้หมดอายุหรือถูกเพิกถอน อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและสิทธิการให้เช่า
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ไฟฟ้าดับ ภัยธรรมชาติ หรืออุบัติเหตุภายใน data center อาจกระทบต่อการให้บริการและรายได้ค่าเช่า แม้กองจะมีการทำประกันภัยทรัพย์สินร่วมกับ INET แต่ยังคงมีความเสี่ยงบางส่วนที่ประกันไม่ครอบคลุม จึงต้องมีการบริหารจัดการและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
INETREIT เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอจากสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะผู้ที่เชื่อมั่นในการเติบโตระยะยาวของเทรนด์ Cloud, AI และ Digital Transformation ในประเทศไทย
กองนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการ REIT ที่มีความมั่นคงสูง Leverage ต่ำ และมี Pipeline การเติบโตที่ชัดเจน ผ่านสิทธิ ROFR และแผนขยายพอร์ตที่เป็นรูปธรรม พร้อมนโยบายจ่ายผลประโยชน์ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิ และมีแนวทางการจ่ายเป็นรายเดือน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้เช่ารายเดียว และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอนาคต การกระจายความเสี่ยงโดยไม่ลงทุนในกอง REIT เพียงกองเดียวจึงเป็นสิ่งสำคัญ