ลงทุนก้าวแรก

ถึงเวลาอินเดียเฉิดฉาย! เปิดเหตุผลที่ทำให้หุ้นอินเดียน่าลงทุน

1 Apr 24 12:00 AM
ถึงเวลาอินเดียเฉิดฉาย! เปิดเหตุผลที่ทำให้หุ้นอินเดียน่าลงทุน
สรุปสาระสำคัญ

เปิดเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียกลายมาเป็นตลาดหุ้นที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง มาดูกันว่า หุ้นอินเดียน่าสนใจอย่างไรบ้าง

ตอบข้อสงสัย ทำไมหุ้นอินเดียถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุน

 

เชื่อว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นักลงทุนหลายท่านอาจได้ยินข่าวเกี่ยวกับการเติบโตของตลาดหุ้นอินเดีย อันเนื่องมาจากการปฏิรูปทางเศรษฐกิจภายในประเทศกันมาบ้างไม่น้อย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก จนกล่าวได้ว่า สปอตไลต์การลงทุน กำลังหมุนไปส่องสว่างที่อินเดีย

 

สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดหุ้นอินเดีย บทความนี้เราจะพามาดูเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นอินเดีย กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของนักลงทุน ติดตามกันได้เลย

 

ภาพตัวอย่างกราฟตลาดหุ้นอินเดีย

 

 

ทำไมตลาดหุ้นอินเดียถึงน่าสนใจ ?

 

 

เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า ในช่วงเวลาระหว่างปี 2565-2573 เศรษฐกิจอินเดียมีโอกาสโตถึง 6-7% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค โดยการเติบโตนี้ มีผลมาจากแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่งในหลายด้าน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงการใช้จ่ายของประชากรในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากราคาสินค้าและน้ำมันที่ปรับตัวลดลง

 

ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์จาก มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ยังได้วิเคราะห์ว่า หลังจากที่เศรษฐกิจในอินเดียหดตัวมานานหลายสิบปีก่อนหน้า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจอินเดียมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และตัวเลข GDP อาจเติบโตได้อย่างมั่นคง จนสามารถแตะระดับ 36% ได้ภายในปี 2570 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาจากระดับต่ำกว่า 28% ในปี 2564

 

จากตัวเลขเหล่านี้ ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียเริ่มกลายเป็นที่จับตาในบรรดานักลงทุนทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า หากการลงทุนในอินเดียเริ่มขยายตัว ก็จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจอินเดียเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

 

 

 

มูลค่าตลาดหุ้นที่แซงหน้าศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย

 

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า หลังจากตลาดหุ้นปิดการซื้อขายในวันที่ 22 มกราคม 2567 มูลค่า Market Cap. ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นอินเดียรวมกันแล้วอยู่ที่ 4.33 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับมูลค่า Matket Cap. ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงที่มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 4.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว ส่งผลให้อินเดียทะยานขึ้นเป็นตลาดหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นครั้งแรกที่สามารถแซงหน้าตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียได้ในที่สุด

 

โดยสิ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียดำเนินไปได้อย่างคึกคักเช่นนี้ เกิดจากการที่อินเดียหันมาวางตัวเองในฐานะ "ทางเลือกใหม่ในการลงทุน" ที่นอกเหนือไปจากประเทศมหาอำนาจอย่างจีน จึงทำให้อินเดียสามารถดึงดูดนักลงทุนรายย่อยได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตได้เร็วที่สุดในปัจจุบัน

 

 

 

การปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจภายในประเทศ

 

ในช่วงปีที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้มีการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจขนานใหญ่ ด้วยการออกนโยบายสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ การสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจภายในประเทศ ซึ่งนโยบายเหล่านี้ล้วนทำให้ประเทศอินเดียมีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้การลงทุนเริ่มขยาย ตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น และรัฐบาลเองก็เก็บภาษีได้มากขึ้น

 

นอกจากนี้ ช่วงเวลาระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2567 ยังเป็นช่วงเวลาที่อินเดียจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนี้ นายนเรนทรา โมที (Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ได้มีการเสนอมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างแข็งขัน ส่งผลให้บริษัทต่างชาติแห่แหนเข้ามาลงทุนในอินเดียอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

ความได้เปรียบด้านประชากร

 

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียกลายมาเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ก็คือการที่อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรวัยหนุ่มสาวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก ส่งผลให้อินเดียมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องมาจากการที่คนหนุ่มสาวมีโอกาสได้เข้าถึงการศึกษาเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นกลุ่มประชากรที่จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย

 

 

 

เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

 

นอกจากความมุ่งมั่นในการผลักดันเศรษฐกิจในประเทศ อีกหนึ่งจุดแข็งที่น่าสนใจของอินเดียก็คือ ความตั้งใจที่จะยกระดับประเทศให้ก้าวสู่สังคมดิจิทัล ด้วยนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้แนวคิด Faceless, Paperless, Cashless ซึ่งแนวคิดนี้ เป็นแนวคิดที่พาให้การชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลในอินเดียเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ประกอบกับการพึ่งพาเทคโนโลยี AI, Big Data, Blockchain และเทคโนโลยี Cloud

 

ทำให้ระบบการชำระเงินแบบดิจิทัลกลายมาเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงวิธีการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล ผนวกกับความกระตือรือร้นของภาคเอกชน ส่งผลให้ปัจจุบันนี้ บริการด้านการเงินดิจิทัลของอินเดียไต่ขึ้นไปอยู่แถวหน้าในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อย

 

 

 

 

 

ก่อนลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียต้องรู้อะไรบ้าง ?

 

จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดหุ้นอินเดียในช่วงปีนี้ อาจทำให้นักลงทุนหลายคนสนใจที่จะเข้าไปคว้ากำไรในดินแดนภารตะกันอยู่ไม่น้อย แต่ก่อนที่จะเริ่มลงทุนในหุ้นอินเดีย มีเรื่องอะไรบ้างที่ควรรู้ เราสรุปไว้ให้แล้ว

 

 

 

ดัชนีหุ้นอินเดีย (Index)

 

ตลาดหุ้นอินเดียมีดัชนีที่นักลงทุนเฝ้าติดตามอยู่ด้วยกัน 3 ดัชนีหลัก ได้แก่ Nifty 50, BSE, และ Sensex Index มาดูกันว่าดัชนีเหล่านี้คืออะไร

 

● ดัชนี Nifty 50 คือ ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกในตลาด

 

● ดัชนี Sensex คือ ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวแรกในตลาด

 

● ดัชนี BSE คือ ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวแรกในตลาด นักลงทุนจะใช้ดัชนีหลักเหล่านี้ ในการติดตามความเคลื่อนไหวและผลตอบแทนที่จะได้รับจากหุ้นที่มีการซื้อขายกันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

 

 

 

ราคาหุ้นอินเดีย

 

เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แล้ว ราคาหุ้นอินเดียในปัจจุบันนี้ถือว่าค่อนข้างสูง แต่ด้วยความที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังเติบโตได้ดี จึงทำให้ตลาดหุ้นอินเดียยังสามารถสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ในระดับที่น่าสนใจอยู่

 

 

 

จังหวะในการลงทุน

 

สืบเนื่องมาจากราคาหุ้นอินเดียที่ค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่น ดังนั้น นักลงทุนที่สนใจเข้าไปทำกำไรในตลาดหุ้นอินเดียในช่วงนี้ จึงควรรอจังหวะที่เหมาะสม เช่น ช่วงที่ตลาดปรับฐานลดลง แล้วค่อยทยอยเข้าสะสมทีละน้อย

 

คว้าโอกาสลงทุนก่อนใคร เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต ซื้อหุ้นต่างประเทศหรือ ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศได้ง่าย ๆ ที่ InnovestX แอปพลิเคชันที่ให้คุณเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว สามารถเลือกลงทุนในหุ้นจากบริษัทชั้นนำกว่า 10,000 บริษัท จาก 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลก ด าวน์โหลดแอปฯ และเปิดบัญชีลงทุนได้เลย

 

 

ข้อมูลอ้างอิง:

1. ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ มาแรง มูลค่าแซงหน้าตลาดฮ่องกง สู่ท็อป 4 ของโลก. สืบค้นวันที่ 21 มีนาคม 2567 จาก https://www.bangkokbiznews.com/world/1109800

2. India Becomes the World's Fourth Largest Stock Market. สืบค้นวันที่ 21 มีนาคม 2567 จาก https://www.bloomberg.com/news/videos/2024-01-23/india-becomes-the-world-s-fourth-largest-stock-market-video

3. เศรษฐกิจอินเดียจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี 2030. สืบค้นวันที่ 21 มีนาคม 2567 จาก https://www.ditp.go.th/en/post/156537

4. อินเดียไร้เงินสด นวัตกรรมการเงินดิจิทัล และการเติบโตของฟินเทค. สืบค้นวันที่ 21 มีนาคม 2567 จาก https://www.prachachat.net/finance/news-1441004

 

 

คำเตือน *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5