wealthmanagement

‘การปรับพอร์ตการลงทุน’ เทคนิคสร้างพอร์ตการลงทุนประสิทธิภาพสูง

2 Aug 23 7:02 AM
Portfolio
สรุปสาระสำคัญ

การปรับพอร์ตการลงทุนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพ แต่จะปรับพอร์ตการลงทุนและรีบาลานซ์พอร์ตอย่างไรให้ตอบโจทย์ อ่านต่อ

การลงทุนเปรียบเสมือนเป็นการเดินทางไกลที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ ‘เป้าหมายการลงทุน’ ที่ตั้งใจเอาไว้ อย่างไรก็ดี การเดินทางไปสู่เป้าหมายทางการเงินที่ต้องการย่อมมีอุปสรรคและเรื่องราวไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของตลาด ผลตอบแทนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนภาระทางการเงินรอบด้านที่อาจทำให้ไม่สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องการได้

 

ดังนั้น เพื่อช่วยให้นักลงทุนรับมือกับอุปสรรค ตลอดจนสามารถวางแผนบริหารความเสี่ยงการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับพอร์ตการลงทุนจึงเป็นเทคนิคที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนตามที่คาดหวัง อีกทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นตัวช่วยรีเซตเส้นทางในการเดินทางใหม่ ทำให้นักเดินทางสายการลงทุนเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

แล้วการปรับพอร์ตการลงทุนคืออะไร จำเป็นต่อการลงทุนมากน้อยแค่ไหน มาทำความรู้จักเทคนิคการปรับพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ในบทความนี้กัน

 

ปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไรให้ตอบโจทย์

 

รู้จัก ‘การปรับพอร์ตการลงทุน’ ให้มากขึ้น

การปรับพอร์ตการลงทุน คือ การปรับพอร์ตสินทรัพย์การลงทุนให้กลับมาอยู่ในสัดส่วนที่ต้องการ ทั้งนี้เพื่อให้พอร์ตการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนในอัตราที่กำหนดไว้ตามเป้าหมายที่ต้องการ ตลอดจนเป็นการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้กลับมาอยู่ในจุดที่รับไหว

 

การปรับพอร์ตการลงทุนยังเป็นเทคนิคการลงทุนที่มีความคล่องตัวสูง นักลงทุนจึงสามารถนำมาปรับใช้ได้กับเป้าหมายการลงทุนทุกระยะ อีกทั้งยังสามารถนำมาปรับใช้กับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงได้เช่นกัน โดยนักลงทุนสามารถปรับสัดส่วนพอร์ตการลงทุนได้ทั้งในขณะที่กำลังลงทุนอยู่ หรือ จะวางแผนปรับสัดส่วนสินทรัพย์ก่อนที่จะจบวันลงทุนก็ได้เช่นกัน

 

ตัวอย่าง

สำหรับใครที่ยังไม่เห็นภาพว่า การปรับพอร์ตการลงทุนเป็นเทคนิคที่มีหลักการทำงานอย่างไร และไม่แน่ใจว่าการปรับพอร์ตสินทรัพย์การลงทุนจะช่วยตอบโจทย์การบริหารพอร์ตการลงทุนได้จริงหรือไม่ ขอแนะนำให้ลองมาพิจารณาถึงตัวอย่างของนักลงทุน A เบื้องต้นดูก่อน

 

สมมติว่า นักลงทุน A ตั้งใจจะลงทุนเพื่อการเกษียณอายุในอีก 15 ปีข้างหน้า โดยนักลงทุน A ตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมความเสี่ยงระดับ 4 - 6 คิดเป็นสัดส่วน 80% ของพอร์ต ส่วนอีก 20% ที่เหลือเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ความเสี่ยงต่ำและปานกลาง

 

เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี นักลงทุน A พบว่า กองทุนรวมกลับสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงมาก ทำให้สัดส่วนการลงทุนกองทุนรวมปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 90% แต่สัดส่วนของตราสารหนี้ในพอร์ตปรับตัวลดลงมาเหลือเพียง 10% เท่านั้น

 

ดังนั้น หากนักลงทุน A ยังคงต้องการสร้างผลตอบแทนกับกองทุนรวมและตราสารหนี้ในสัดส่วนเดิม ตลอดจนต้องการรักษาระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนเอาไว้ในระดับที่รับไหว นักลงทุน A จะต้องวางแผนปรับพอร์ตการลงทุนให้กลับมาอยู่ในสัดส่วนเดิม

 

นักลงทุนเลือกปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างไร?

การปรับพอร์ตสินทรัพย์การลงทุนมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า การปรับสมดุลพอร์ต (Portfolio Rebalancing) หรือที่นักลงทุนรู้จักกันในชื่อของ ‘การรีบาลานซ์พอร์ต’ ซึ่งการจะสร้างสมดุลพอร์ตให้กลับมาอยู่ในจุดที่ต้องการได้สามารถทำได้ 2 วิธีเบื้องต้น ดังนี้

 

1. เพิ่มเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนลดลง

เช่น หากใช้ตัวอย่างพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน A แต่ยังต้องการรีบาลานซ์พอร์ตการลงทุนให้กลับมาสมดุล นักลงทุน A จะต้องเพิ่มเงินซื้อตราสารหนี้เพิ่ม เพื่อให้สัดส่วนของตราสารหนี้กลับมาอยู่ที่ 20% เหมือนเดิม

 

2. ขายสินทรัพย์การลงทุนที่มีสัดส่วนสูงขึ้น

เช่น นักลงทุน A สามารถขายกองทุนรวมออกบางส่วน เพื่อนำเงินมาซื้อตราสารหนี้เพิ่ม หรือ ทยอยขายกองทุนรวมออกบางส่วน เพื่อนำผลตอบแทนไปต่อยอดในสินทรัพย์การลงทุน หรือ จุดประสงค์อื่นแทน

 

เทคนิคการปรับพอร์ตการลงทุนที่นักลงทุนควรรู้

 

4 เทคนิคการปรับพอร์ตการลงทุนที่นักลงทุนต้องรู้

แม้จะดูเป็นเทคนิคที่มีประโยชน์และมีหลักการทำงานที่ไม่ซับซ้อน แต่นักลงทุนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่า ‘เมื่อไหร่’ ถึงจะเป็นเวลาที่ควรรีบาลานซ์พอร์ตการลงทุนให้สร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่ต้องการได้มากที่สุด

สำหรับนักลงทุนคนไหนที่กำลังประสบปัญหาเช่นนี้อยู่ มาดู 4 เทคนิคพื้นฐานสำหรับการวางแผนปรับพอร์ต ซึ่งถือเป็นตัวช่วยการปรับพอร์ตการลงทุนที่นักลงทุนทุกระดับต้องทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อน

 

1. กำหนดการปรับพอร์ตตามระยะเวลา

สินทรัพย์การลงทุนแต่ละตัวสามารถสร้างผลตอบแทนได้แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้น เพื่อสร้างผลตอบแทนได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด นักลงทุนสามารถกำหนดระยะเวลาเพื่อรีบาลานซ์พอร์ต หรือ ปรับพอร์ตการลงทุนได้ เช่น กำหนดการปรับพอร์ตทุกไตรมาส ทุก 6 เดือน ทุก 1 ปี หรือ ทุก 3 ปี โดยสามารถเลือกปรับสัดส่วนของสินทรัพย์ หรือ การเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนใหม่ทั้งหมดก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและแผนการลงทุนของแต่ละบุคคล

 

2. กำหนดการปรับพอร์ตตามสัดส่วนการลงทุน

สำหรับนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนชัดเจน ตลอดจนมีการล็อกสัดส่วนการลงทุนเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มลงทุน เมื่อสินทรัพย์การลงทุนมีสัดส่วนที่ผิดไปจากสัดส่วนที่ตั้งใจเอาไว้ นักลงทุนยังสามารถวางแผนเพื่อปรับสัดส่วนในพอร์ตการลงทุนให้กลับมาอยู่ในจุดเดิมได้เช่นกัน

 

3. กำหนดการปรับพอร์ตตามเป้าหมายการลงทุน

สินทรัพย์การลงทุนแต่ละตัวสามารถตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนที่แตกต่างกัน ดังนั้น เมื่อเป้าหมายการลงทุนเปลี่ยนไป หรือ การลงทุนมีค่าใช้จ่ายรอบด้านสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นักลงทุนจึงควรวางแผนปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ปัจจัยรอบด้าน ตลอดจนภาระในชีวิตให้มากขึ้น

 

4. กำหนดการปรับพอร์ตตามระดับความเสี่ยง

เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป เป็นธรรมดาที่นักลงทุนจะสามารถรับระดับความเสี่ยงได้แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งส่งผลต่อการเลือกสินทรัพย์การลงทุนเพื่อเป้าหมายต่าง ๆ ที่ต้องการอีกด้วย ดังนั้น เมื่อนักลงทุนรับความเสี่ยงได้น้อยลง ทั้งจากอายุ ภาระทางการเงิน ตลอดจนต้นทุนในการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป นักลงทุนยังสามารถเลือกปรับพอร์ตการลงทุนได้ใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการได้มากขึ้นเช่นกัน

 

Asset Allocation เป็นการปรับพอร์ตการลงทุนหรือไม่?

Asset Allocation คือ ‘เทคนิคการลงทุน’ ที่มุ่งเน้นให้นักลงทุนเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ความหลากหลาย เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกช่วงเวลา เนื่องจากเทคนิคการลงทุนอย่าง Asset Allocation เชื่อว่า ไม่มีสินทรัพย์การลงทุนใดที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดตลอดไป

 

ส่วนใหญ่แล้ว นักลงทุนจะเลือกจัดพอร์ตการลงทุนด้วยเทคนิค Asset Allocation ก่อน ซึ่งจะเป็นการเลือกกระจายการลงทุนในรูปแบบที่ต้องการ

 

เช่น การลงทุนในตลาดไทยและต่างประเทศพร้อมกัน การลงทุนในสินทรัพย์แบบเดียวหลายตัว อาทิ การลงทุนกองทุนรวมหลายตัวพร้อมกัน ตลอดจนการลงทุนสินทรัพย์หลาย ๆ แบบพร้อมกันในพอร์ตเดียวกัน เช่น การลงทุนหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนรวม และตราสารหนี้พร้อมกัน

 

จากนั้นเมื่อพอร์ตการลงทุนสร้างผลตอบแทนที่เปลี่ยนแปลงไป หรือ มีความผิดปกติเกิดขึ้นในพอร์ตการลงทุน นักลงทุนสามารถเลือกปรับพอร์ตการลงทุนด้วยวิธีการต่าง ๆ ได้ เช่น การรีบาลานซ์พอร์ตการลงทุน การเลือกลงทุนในสินทรัพย์การลงทุนใหม่ ไปจนถึงการทำ Fund Switching หรือการสับเปลี่ยนกองทุนเข้าและออกจากพอร์ต เพื่อคง/ปรับ/สร้างแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการ

 

ซึ่งสรุปบทวิเคราะห์ของสินทรัพย์การลงทุนศักยภาพสูงจากทั่วโลกที่ผู้เชี่ยวชาญจาก InnovestX ได้รวบรวมและวิเคราะห์มาให้ถึงที่ คลิกดูง่าย ๆ ได้ที่นี่ https://www.youtube.com/playlist?list=PL5G5sG5zOej1TxHHbVyLo_LDYniLetNjk

เทคนิคการปรับพอร์ตการลงทุนที่นักลงทุนควรรู้

 

สำหรับใครที่เข้าใจการปรับพอร์ต ตลอดจนศึกษาบทวิเคราะห์ที่ได้รับจาก ‘ปรับพอร์ต #พอร์ตต้องบวก’ อย่าลืมมาเริ่มต้นลงทุนสินทรัพย์การลงทุนที่ต้องการกับแอปจัดพอร์ตการลงทุน InnovestX

 

ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการลงทุนในแอปฯ เดียว มาพร้อมตัวช่วยจัดพอร์ตระบบ AI อัจฉริยะ อีกทั้งยังมี Wealth Idea ฟีเจอร์รวมเพลย์ลิสต์ไอเดียการลงทุนที่จะช่วยเปลี่ยนการลงทุนที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่ายด้วยเทคนิคและความรู้จากนักลงทุนมากประสบการณ์ พร้อมสร้างผลตอบแทนตามสไตล์ที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดาวน์โหลดแอปจัดพอร์ตการลงทุน InnovestX ได้แล้ววันนี้ที่ App Store และ Play Stor

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5