PDF Available  
Company History

BIDU23 DR23 จาก InnovestX กับโอกาสลงทุน Baidu (9888.HK): จากเสิร์ชเอนจินภาษาจีน สู่จักรวาล AI ที่ขับเคลื่อนชีวิตคนทั้งประเทศ

12 Nov 25 9:55 AM
สรุปสาระสำคัญ

Baidu, Inc. (BIDU23) เริ่มจากสตาร์ตอัพเล็กๆ ในปี 2000 ที่อยากสร้างเสิร์ชเอนจินภาษาจีนที่ฉลาดที่สุดในโลก จนกลายเป็นยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีที่เรารู้จักกันในวันนี้ จากวันแรกที่ให้บริการค้นหาข้อมูลออนไลน์ Baidu เติบโตอย่างก้าวกระโดด เข้าตลาดหุ้น NASDAQ ในปี 2005 ซื้อกิจการ iQIYI แพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังในปี 2012 และขยายเข้าสู่เทคโนโลยี AI, คลาวด์, และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ วันนี้ Baidu ไม่ได้เป็นแค่ “Google ของจีน” อีกต่อไป แต่เป็นบริษัทที่สร้างระบบนิเวศอัจฉริยะครบวงจร ตั้งแต่การค้นหา ไปจนถึงรถยนต์ที่ขับเองได้

กว่า 20 ปีของการพัฒนา Baidu ได้เปลี่ยนตัวเองจากบริษัทอินเทอร์เน็ตธรรมดาเป็น AI powerhouse ตัวจริงของจีน ด้วยเทคโนโลยี ERNIE ที่ถูกนำไปใช้ในทุกบริการ ตั้งแต่ระบบคลาวด์จนถึงสมาร์ตดีไวซ์ Xiaodu ที่ช่วยให้ผู้คนพูดคุยกับบ้านได้เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว แถมยังขับแท็กซี่ไร้คนขับ Apollo Go ได้แล้วในหลายเมือง เรียกได้ว่า Baidu กำลังพาโลกเข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI ไม่ได้อยู่แค่ในห้องทดลอง แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของทุกคน และนี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งต่อไปของบริษัท Baidu, Inc. ที่นับว่าเป็นสมองแห่งเทคโนโลยีจีน

ประวัติและความเป็นมาของ Baidu, Inc

บริษัท Baidu, Inc. ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม ปี 2000 ที่หมู่เกาะเคย์แมน โดยใช้ชื่อเดิมว่า Baidu.com, Inc. ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Baidu, Inc. ในเดือนธันวาคม 2008 บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจหลักในจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านบริษัทย่อย Baidu Online Network Technology (Beijing) Co., Ltd. และตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2001 ได้ดำเนินธุรกิจบางส่วนผ่าน Baidu Netcom Science Technology Co., Ltd. ซึ่งเป็น Variable Interest Entity (VIE) ที่ถือใบอนุญาตสำคัญด้านบริการเนื้อหาอินเทอร์เน็ต การสื่อสารโทรคมนาคมแบบเพิ่มมูลค่า แผนที่ออนไลน์ และวิดีโอสตรีมมิ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดด้านการลงทุนต่างชาติในจีน

Baidu ได้เข้าจดทะเบียนในตลาด NASDAQ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2005 และต่อมาได้ขยายการดำเนินงานทั้งในและนอกประเทศจีน ปี 2012 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นจนได้สิทธิ์ควบคุมใน iQIYI, Inc. แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์รายใหญ่ของจีน และรวมผลประกอบการเข้ากับงบการเงินรวมของตน ต่อมาในปี 2018 iQIYI ได้เข้าจดทะเบียนในตลาด NASDAQ นอกจากนี้ Baidu ยังได้แยกธุรกิจบริการทางการเงินออกมาเป็น Du Xiaoman ในปีเดียวกัน ปัจจุบัน Baidu เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบริการอินเทอร์เน็ตครบวงจร ครอบคลุมการค้นหา คลาวด์ วิดีโอ และระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตระยะยาวของบริษัท

 

โครงสร้างรายได้และแหล่งรายได้หลัก

  1. บริการการตลาดออนไลน์ (Online Marketing Services) – 54.8% ของรายได้รวม

รายได้หลักของ Baidu มาจากธุรกิจโฆษณาออนไลน์ ซึ่งในปี 2024 โดยส่วนใหญ่เกิดจากบริการ Pay-for-Performance (P4P) ที่คิดค่าบริการตามจำนวนคลิก (CPC) ผ่านแพลตฟอร์ม Baidu Search, Baidu App และเครือข่ายพันธมิตร Baidu Union บริษัททำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการหลักและรับรู้รายได้แบบรวม (gross basis) ขณะที่ส่วนแบ่งรายได้ที่จ่ายให้เว็บไซต์พันธมิตรถือเป็นต้นทุนการจัดหาทราฟฟิก (Traffic Acquisition Costs) แม้ปี 2024 รายได้ลดลงราว 3% จากปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในบางอุตสาหกรรม เช่น สุขภาพและอสังหาริมทรัพย์ แต่ Baidu ยังคงปรับปรุงแพลตฟอร์มค้นหาด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างรายได้ในระยะยาว

 

  1. บริการคลาวด์และ AI  (Cloud Services) – 16.4% ของรายได้รวม

ธุรกิจคลาวด์ของ Baidu สร้างรายได้โดยประกอบด้วยสองส่วนหลักคือ Enterprise & Public Sector Cloud และ Personal Cloud กลุ่มองค์กรและภาครัฐเป็นเครื่องยนต์หลักของการเติบโตผ่านบริการ IaaS, PaaS และ SaaS ที่ใช้เทคโนโลยี AI จากโมเดล ERNIE เพื่อช่วยลูกค้าออกแบบระบบอัจฉริยะ เช่น ระบบคัดกรองเรซูเม่ การประมวลผลภาพ และการผลิตอัตโนมัติ ส่วน Personal Cloud เช่น Baidu Drive และ Baidu Wenku มีสัดส่วนรายได้ไม่มากแต่ช่วยสร้างฐานผู้ใช้และข้อมูลเชิงลึกสำหรับการต่อยอด AI โดยรวมแล้วรายได้กลุ่มนี้เติบโตจากความต้องการใช้ Generative AI และ Large Language Model ที่เพิ่มขึ้นทั่วอุตสาหกรรม

 

  1. ธุรกิจขับขี่อัตโนมัติและนวัตกรรมใหม่ (Intelligent Driving & Other Growth Initiatives) – 7.4% ของรายได้รวม

กลุ่มนี้ครอบคลุมธุรกิจนวัตกรรมใหม่ของ Baidu ได้แก่ Apollo Autonomous Driving, DuerOS Smart Assistant, และ Xiaodu Smart Devices รายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากการขยายบริการขับขี่อัตโนมัติ (Apollo Go) และยอดขายอุปกรณ์อัจฉริยะ Xiaodu ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มนี้ถือเป็น future pillar ของกลยุทธ์ AI-first ที่จะผลักดัน Baidu เข้าสู่ระบบนิเวศยานยนต์อัจฉริยะและอุปกรณ์เชื่อมต่อในชีวิตประจำวัน แม้สัดส่วนรายได้ปัจจุบันยังไม่สูง แต่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาวจากการพัฒนาเทคโนโลยี AI-based Mobility และ Smart Home

 

  1. กลุ่มบันเทิงออนไลน์ (iQIYI Segment) – 22.0% ของรายได้รวม

กลุ่ม iQIYI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์รายใหญ่ในจีน สร้างรายโดยแบ่งออกเป็น 4 หมวดหลัก ได้แก่ Online Advertising Services, Membership Services, Content Distribution และ Others รายได้จากสมาชิกเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุด แม้จะลดลงเนื่องจากเนื้อหาใหม่ออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่รายได้จากการจัดจำหน่ายเนื้อหาเติบโตจากการขายสิทธิ์ออกอากาศให้พันธมิตร โดยรวม iQIYI ยังคงเป็นเสาหลักด้านสื่อดิจิทัลของ Baidu และเป็นเครื่องมือสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคในวงกว้าง

 

Screenshot-2025-11-12-100135.png

 

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและจุดแข็ง

  1. กลยุทธ์ AI-First และการบูรณาการเทคโนโลยีแบบครบวงจร (AI-First Strategy & Full-Stack Technology Integration)

Baidu วางตัวเป็นหนึ่งในบริษัทไม่กี่แห่งในโลกที่มี AI Stack ครบทั้ง 4 ชั้น ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ (Cloud Infrastructure), เฟรมเวิร์ก Deep Learning (PaddlePaddle), โมเดลพื้นฐาน (Foundation Models) และ AI Applications กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Baidu สามารถพัฒนาและเชื่อมโยงเทคโนโลยีระหว่างผลิตภัณฑ์ เช่น การใช้ข้อมูลจากการค้นหาด้วยเสียงและภาพเพื่อปรับปรุงระบบรู้จำของ Apollo และ DuerOS รวมถึงนำโมเดล ERNIE 4.0 Turbo และ ERNIE Agents มาปรับใช้กับบริการต่างๆ ในระบบนิเวศ ทั้งในภาคผู้บริโภคและองค์กร จุดแข็งของ Baidu อยู่ที่ความสามารถในการสร้าง AI-native ecosystem ที่ต่อยอดเทคโนโลยีได้หลากหลาย และสร้างวงจรข้อมูล (data loop) ที่เสริมพลังกันระหว่างผู้ใช้ นักพัฒนา และพันธมิตรทางธุรกิจ

 

  1. ระบบนิเวศบนมือถือและแพลตฟอร์มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ (Mobile Ecosystem & User Engagement Platform)

Baidu ดำเนินกลยุทธ์สร้างระบบนิเวศมือถือครบวงจร (Mobile Ecosystem) ผ่าน Baidu App, Search, Feed, และ Smart Mini Program เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลและบริการได้จากแอปเดียว โดยเชื่อมโยงผู้ใช้ ผู้สร้างเนื้อหา ผู้ให้บริการ และร้านค้าเข้าด้วยกันในห่วงโซ่ จากการค้นหา การมีส่วนร่วม จนถึงการสร้างรายได้ (Acquisition–Engagement–Monetization) กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Baidu เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ได้ลึกขึ้น และเพิ่มอัตราการกลับมาใช้งานซ้ำของผู้ใช้ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้พันธมิตรทางธุรกิจใช้บริการ AI-powered marketing tools เช่น Managed Page และ Smart Mini Program

 

  1. ความเป็นผู้นำด้านคลาวด์และโซลูชันสำหรับองค์กร (AI Cloud Leadership & Enterprise Solutions)

ในกลุ่ม Baidu AI Cloud บริษัทใช้กลยุทธ์ “AI + Industry” เพื่อขยายฐานลูกค้าในภาคเอกชนและภาครัฐ โดยให้บริการ IaaS, PaaS, SaaS ที่ผสานเทคโนโลยี AI จากโมเดล ERNIE และเครื่องมือ PaddlePaddle จุดแข็งสำคัญคือ Baidu เป็นผู้ให้บริการ AI Cloud และสามารถนำเทคโนโลยี AI เดียวกันไปใช้ในภาคการผลิต การศึกษา การสาธารณสุข และหน่วยงานรัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุน ทั้งนี้ การเติบโตของ Baidu Cloud ยังได้รับแรงหนุนจากการเปิดกว้างของ developer community ซึ่งมีนักพัฒนามากกว่า 19 ล้านคน ที่ช่วยขยายการใช้งานโมเดล AI และสร้างเอฟเฟกต์เครือข่าย (network effect) ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

  1. กลยุทธ์ด้านยานยนต์อัจฉริยะและระบบสมาร์ตดีไวซ์ (Intelligent Driving & Smart Device Ecosystem)

Baidu เป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ผ่านแบรนด์ Apollo ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินบริการ driverless เชิงพาณิชย์ 100% แห่งแรกในจีน จุดแข็งของบริษัทคือการผสานข้อมูลและเทคโนโลยีจากแพลตฟอร์มอื่น เช่น AI vision และ voice recognition เข้ากับระบบขับขี่อัตโนมัติ ทำให้ Apollo เป็นพาร์ตเนอร์สำคัญของผู้ผลิตรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน Xiaodu Smart Devices ช่วยสร้างฐานผู้ใช้ในระบบสมาร์ตโฮมที่เชื่อมโยงกับบริการของ Baidu อื่นๆ จุดแข็งของกลุ่มนี้คือความสามารถในการใช้เทคโนโลยี AI เดียวกันขยายสู่ AI in Mobility และ AI in Home ซึ่งเป็นเสาหลักใหม่ของการเติบโตในอนาคต

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

เมื่อเทียบกับ Alphabet (GOOGL) แล้ว Baidu และ Google ต่างยืนอยู่บนแกนธุรกิจเดียวกันคือ Search → Ads → AI → Cloud แต่บริบทตลาดและทรัพยากรแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ฝั่ง Alphabet รายได้หลักยังมาจาก Google Services (Search, YouTube, Maps, Android ฯลฯ) เสริมด้วย Google Cloud ที่เติบโตเร็ว ขณะที่ธุรกิจถูกขับเคลื่อนด้วยชุดโมเดล Gemini และองค์กร Google DeepMind เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ AI เชิงผู้ใช้และองค์กรทั่วโลก ส่วน Baidu ครองบทบาทภาษาจีนและภูมิศาสตร์จีนอย่างลึก ซ้อนทับด้วย full-stack AI (โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ + PaddlePaddle + ERNIE + แอปฯ) ที่ฝังอยู่ใน mobile ecosystem ของตนเอง ทำให้การสร้าง การกระจายและการทำเงินจากคอนเทนต์และบริการ เป็นวงจรปิด (closed-loop) ได้ง่ายกว่าในตลาดบ้านเกิด ซึ่ง Baidu ยังเป็นผู้นำการค้นหาในจีน

จุดได้เปรียบเชิงโครงสร้างของ Baidu เมื่อเทียบกับ Alphabet มาจาก local moat หรือความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์และกฎระเบียบในตลาดจีนที่ยากต่อการเลียนแบบ บริษัทเข้าถึงฐานผู้ใช้และผู้ลงโฆษณาภาษาจีนจำนวนมากภายใต้กรอบกฎระเบียบท้องถิ่น ทำให้เกิดวงจรปิดของข้อมูล คอนเทนต์ การสร้างรายได้ที่ลึกและเร็วกว่าในตลาดบ้านเกิด โครงสร้าง full-stack AI (คลาวด์โครงสร้างพื้นฐาน + PaddlePaddle + โมเดล ERNIE + แอปพลิเคชัน) ช่วยให้ Baidu แปลงวิจัยเป็นโซลูชัน AI กับอุตสาหกรรมได้จริง ตั้งแต่ Smart Transportation, การตรวจคุณภาพ ไปจนถึงบริการภาครัฐและเอกชน Baidu ยังมีโมบิลิตี้อัจฉริยะ ที่ไปไกลเชิงพาณิชย์ผ่าน Apollo Go ทำให้ Baidu สะสมข้อมูลถนนจริง ใบอนุญาต และพันธมิตรยานยนต์ในสเกลที่สอดคล้องกับบริบทจีน ข้อได้เปรียบที่สร้างกำแพงการแข่งขันทั้งด้านข้อมูล เครือข่ายคู่ค้า และความเร็วในการออกสู่ตลาดเหนือ Alphabet ในภูมิภาคนี้

 

เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย

Baidu ไม่มีคู่แข่งตรงในไทย แต่ถ้าจะเทียบภาพรวม แพลตฟอร์มและดิจิทัลอีโคซิสเต็มในประเทศ คู่ที่พอเปรียบได้คือ True Digital (ภายใต้ True Corporation) ซึ่งรวบหลายหน่วยธุรกิจดิจิทัลไว้ เช่น Digital Media, TrueID (คอนเทนต์–โฆษณาและสิทธิพิเศษ), True Analytics (ฐานข้อมูลอินไซต์ลูกค้ากว่า 30 ล้านรายในไทย), True IDC (ดาต้าเซ็นเตอร์และมัลติคลาวด์), Digital Health/Connected Industry Solutions/Cybersecurity, ตลอดจน True Digital Park และ True Digital Academy ที่ทำหน้าที่เป็นฮับสตาร์ตอัพ–อัปสกิลบุคลากรดิจิทัลของประเทศ

ความได้เปรียบของ Baidu อยู่ที่ AI full-stack กับ จำนวนผู้ใช้งานจำนวนมาก ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์-AI, เฟรมเวิร์ก PaddlePaddle/โมเดล ERNIE, ไปจนถึงแอป รวมถึง Apollo Go ที่ดำเนินงาน fully driverless เชิงพาณิชย์ในเมืองใหญ่ของจีนและขยายสู่ฮ่องกง สร้างฐานข้อมูลถนนจริงและใบอนุญาตที่ยากต่อการตามทัน เป็นป้อมปราการการแข่งขัน (moat) ที่แข็งแกร่งเชิงเทคโนโลยี โดยมีข้อมูลที่ลึกกว่าแพลตฟอร์มคอนเทนต์และโฆษณาทั่วไปในไทย เช่น True Digital แม้ True จะเด่นด้านการเข้าถึงผู้บริโภคไทยและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศ แต่ยังไม่ได้มีโมเดลพื้นฐาน (foundation models) หรือปฏิบัติการโรโบแท็กซี่เชิงพาณิชย์แบบ Baidu

 

อนาคตและโอกาสการเติบโต

Baidu, Inc. มองว่าอนาคตของตนจะขับเคลื่อนด้วยการเติบโตจากเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการขยายระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์ที่ผสาน AI เข้ากับชีวิตประจำวันอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะการนำโมเดล ERNIE 4.0 Turbo และ ERNIE Agents ไปใช้ในหลากหลายธุรกิจ ตั้งแต่การตลาดอัตโนมัติ การบริการลูกค้า ไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันองค์กร บริษัทมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านจาก Search Engine สู่ AI-Powered Platform ที่สามารถสร้างรายได้จากหลายช่องทาง ทั้งโฆษณา การสมัครสมาชิก และบริการคลาวด์ นอกจากนี้ Baidu ยังมีเป้าหมายเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Baidu AI Cloud ซึ่งเป็นเสาหลักของรายได้ในอนาคต โดยเน้นการนำ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมหลักของจีน เช่น การผลิต (Smart Factory), การขนส่ง (Smart Mobility), การเงิน และภาครัฐ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระยะยาว

นอกจากนี้ Baidu ยังให้ความสำคัญกับโอกาสการเติบโตใน เทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติ (Apollo) และอุปกรณ์อัจฉริยะ Xiaodu Smart Devices ซึ่งสะท้อนทิศทางการพัฒนา AI for Mobility & Home โดย Apollo ได้รับใบอนุญาตให้ให้บริการ full self-driving เชิงพาณิชย์ในหลายเมืองของจีน และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อขยายการให้บริการสู่เมืองใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ Xiaodu ครองตำแหน่งผู้นำตลาดสมาร์ตดีไวซ์ของจีน ช่วยสร้างฐานผู้ใช้และข้อมูลสำคัญในการต่อยอดสู่บริการ AI เชิงลึกในอนาคต Baidu เชื่อว่าเมื่อเทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น บริษัทจะอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นในการขยายโมเดลธุรกิจ สร้างรายได้แบบสม่ำเสมอ (Recurring Income) จากระบบนิเวศ AI ที่เชื่อมโยงทั้งผู้บริโภค ธุรกิจ และภาครัฐเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร

 

ความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

Baidu, Inc. ระบุว่าบริษัทกำลังเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน ทั้งจากการแข่งขัน เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และสภาพเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน หนึ่งในความเสี่ยงหลักคือความสามารถในการ รักษาความเป็นผู้นำในตลาดการค้นหาภาษาจีนและบริการออนไลน์ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้และการเกิดขึ้นของคู่แข่งใหม่ บริษัทต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และคอนเทนต์ เพื่อรักษาฐานผู้ใช้และดึงดูดลูกค้าใหม่ รวมถึงการขยายตลาดต่างประเทศที่เผชิญความท้าทายด้านกฎหมายและกฎระเบียบในแต่ละประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

อีกด้านหนึ่งคือ ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในธุรกิจคลาวด์และยานยนต์อัจฉริยะ (Apollo) ซึ่งพึ่งพาเทคโนโลยีชั้นสูงและโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลอย่างมาก รัฐบาลจีนได้เพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยไซเบอร์และการจัดเก็บข้อมูล หาก Baidu ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายและกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัท นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกยังอาจส่งผลต่อ การจัดหาชิป GPU ที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ AI Cloud และระบบขับขี่อัตโนมัติ รวมถึงความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ในระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายทางกายภาพและชื่อเสียงของบริษัทได้ หากไม่สามารถจัดการได้อย่างทันท่วงที

 

 

สนใจลงทุนในหุ้น Baidu, Inc (BIDU23, 9888.HK) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน

 

คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Stocks Mentioned
9888.HK
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5