Ferrari N.V. (RACE) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูหราจากอิตาลี ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการรถยนต์โลกด้วยกลยุทธ์ "คุณภาพเหนือปริมาณ" ที่ทำให้บริษัทสามารถสร้างอัตรากำไรสูงถึง 30.3% แม้จะขายรถเพียง 3,593 คันต่อไตรมาส แต่สิ่งที่ทำให้ Ferrari แตกต่างจากคู่แข่งคือการมุ่งเน้นการปรับแต่งรถยนต์ (Personalization) แบบไม่จำกัด ซึ่งลูกค้ายินดีจ่ายเงินเพิ่มเป็นล้านบาท เพื่อให้ได้รถ Ferrari ที่ไม่เหมือนใครในโลก ทำให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากรถยนต์แล้ว Ferrari ยังขยายธุรกิจสู่การแข่งขัน Formula 1(F1) สินค้าไลฟ์สไตล์ และบริการทางการเงิน ทำให้กลายเป็นแบรนด์หรูหราระดับโลกที่มีรายได้หลากหลายสายธุรกิจ
Ferrari เริ่มต้นจากความหลงใหลในมอเตอร์สปอร์ตของ Enzo Ferrari ชาวอิตาลีที่เคยเป็นนักแข่งและวิศวกรให้กับ Alfa Romeo (ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลีที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบรถสปอร์ตและประวัติศาสตร์ในวงการมอเตอร์สปอร์ต) ก่อนจะก่อตั้งทีมแข่งรถของตนเองชื่อ "Scuderia Ferrari" ในปี 1929 เพื่อส่งนักแข่งเข้าร่วมแข่งขันรายการต่าง ๆ หลังจากแยกตัวออกจาก Alfa Romeo ในปี 1939 Enzo ได้ก่อตั้งบริษัท Auto Avio Costruzioni Ferrari ที่เมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี แม้ช่วงแรกจะไม่สามารถใช้ชื่อ Ferrari กับรถยนต์ได้เนื่องจากข้อตกลงกับ Alfa Romeo
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้อจำกัดเรื่องการใช้ชื่อ Ferrari หมดลง Enzo จึงก่อตั้ง Ferrari S.p.A. อย่างเป็นทางการในปี 1947 ที่เมืองมาราเนลโล (Maranello) และเปิดตัวรถยนต์ Ferrari รุ่นแรกคือ 125 S ซึ่งเป็นรถสปอร์ตเครื่องยนต์ V12 ความสำเร็จในสนามแข่ง F1 ภายใต้ชื่อทีม Scuderia Ferrari ซึ่งเป็นทีมที่เก่าแก่และประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ F1 พร้อมกับการคว้าแชมป์ในรายการสำคัญระดับโลก เช่น Le Mans 24 Hours ทำให้ Ferrari กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเร็ว ความหรูหรา และความสำเร็จทางธุรกิจในปัจจุบัน
Ferrari มีโครงสร้างรายได้ที่หลากหลายและกระจายความเสี่ยงได้ดี โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
1.Cars and Spare Parts – 86% ของรายได้รวม
ธุรกิจรถยนต์และชิ้นส่วนที่เป็นแกนหลักของบริษัท ครอบคลุม รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และรถยนต์พิเศษแบบจำกัด รวมถึงการปรับแต่งรถยนต์ ที่เป็นจุดแข็งสำคัญของ Ferrari กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด ประกอบกับความต้องการรถยนต์หรูหราที่เพิ่มขึ้นในตลาดเอเชียและอเมริกา
2. Sponsorship, Commercial and Brand – 11% ของรายได้รวม
ธุรกิจสปอนเซอร์ กิจกรรมเชิงพาณิชย์ และแบรนด์ ที่ครอบคลุมรายได้จากทีมแข่ง F1 และ World Endurance Championship การสปอนเซอร์ สินค้าแฟชั่น สินค้าที่ระลึก และรายได้จากลิขสิทธิ์ กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตจากความนิยม F1 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกและการขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์
3. Others – 3% ของรายได้รวม
ธุรกิจอื่น ๆ รวมถึงบริการทางการเงิน การบริหารสนามแข่ง Mugello Circuit ซึ่งเป็นสนามแข่ง F1 กิจกรรมกีฬาอื่น ๆ และการให้เช่าเครื่องยนต์แก่ทีม F1 อื่นๆ แม้จะมีสัดส่วนไม่มากแต่ช่วยสร้างรายได้เสริมที่มั่นคงให้กับบริษัท
โครงสร้างรายได้ที่กระจายตัวนี้ช่วยให้ Ferrari มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวเมื่อเผชิญกับความผันผวนในแต่ละตลาด โดยเฉพาะการมีธุรกิจแบรนด์และสปอนเซอร์ที่สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องจากชื่อเสียงและความนิยมของ Ferrari
Ferrari วางกลยุทธ์การเติบโตที่ชัดเจนผ่านการควบคุมการผลิตให้อยู่ในระดับที่สร้างความหายากและเป็นเอกลักษณ์ แทนที่จะแข่งขันด้วยปริมาณการผลิต จุดแข็งหลักของ Ferrari คือการปรับแต่งรถยนต์แบบไม่จำกัด ที่ลูกค้าสามารถเลือกสี วัสดุ การออกแบบภายใน และคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ทำให้แต่ละคันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีมูลค่าสูงขึ้น
การผสมผสานเทคโนโลยีจากสนามแข่ง F1 เข้ากับรถยนต์ใช้งานในกิจการเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญ ทำให้รถ Ferrari มีประสิทธิภาพการขับขี่และความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีที่เหนือกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ Ferrari ยังควบคุมการกระจายผลิตภัณฑ์ในแต่ละภูมิภาคอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาความพิเศษและความต้องการที่สูงกว่าอุปทาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคารถ Ferrari คงที่หรือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เทียบกับ Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG (P911) ในเยอรมัน: Porsche คือผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูจากเยอรมนี ก่อตั้งในปี 1931 โดยเริ่มจากสำนักงานวิศวกรรม ก่อนพัฒนาสู่แบรนด์รถสปอร์ตระดับโลกผ่านรุ่น Porsche 356 และ 911 Ferrari และ Porsche ต่างเป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูระดับโลกที่มีรากฐานจากวิศวกรผู้มีวิสัยทัศน์ ทั้งสองแบรนด์มีชื่อเสียงด้านสมรรถนะสูง เทคโนโลยีล้ำสมัย และภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม Ferrari เน้นการผลิตรถซูเปอร์คาร์แบบแฮนด์เมด เครื่องยนต์ V12 และความสำเร็จใน F1 ขณะที่ Porsche เน้นความสมดุลระหว่างสมรรถนะและการใช้งานจริง อีกทั้งยังมีบทบาทในตลาดรถยนต์สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งต่างจาก Ferrari ที่มุ่งเน้นเฉพาะกลุ่มไฮเอนด์และรถสมรรถนะสูง
Millennium Group Corporation (Asia) Public Company Limited (MGC-ASIA): แม้ไทยจะยังไม่มีบริษัทที่เทียบเท่า Ferrari โดยตรงแต่ MGC-ASIA เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ครบวงจรในไทย ดำเนินงานครอบคลุมการขายรถหรูและบิ๊กไบค์ (Rolls-Royce, BMW, Honda), บริการหลังการขาย, ธุรกิจเช่ารถ รวมถึงขยายสู่เรือยอชท์ เครื่องบินเจ็ต และบริการทางการเงิน มุ่งสร้าง Mobility Ecosystem รองรับไลฟ์สไตล์การเดินทางในอาเซียน แม้ MGC-ASIA และ Ferrari จะอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับพรีเมียมที่มุ่งตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มบนเหมือนกัน แต่ Ferrari เป็นผู้ผลิต Supercar ระดับโลกที่เน้นสมรรถนะและนวัตกรรม ขณะที่ MGC-ASIA เป็นตัวแทนจำหน่ายรถหรูหลากหลายแบรนด์ พร้อมบริการครบวงจรที่เน้นประสบการณ์และไลฟ์สไตล์ ทั้งสองต่างสร้างภาพลักษณ์หรูหราและมุ่งเน้นความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
แม้ Ferrari จะมีความแข็งแกร่งในด้านแบรนด์และความพิเศษของผลิตภัณฑ์ แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าทำให้ Ferrari ต้องลงทุนมากในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ขณะเดียวกันต้องรักษาเอกลักษณ์ด้านเสียงเครื่องยนต์และประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นจุดขายหลักของแบรนด์ การแข่งขันจากผู้ผลิตรถไฟฟ้าระดับพรีเมียมรายใหม่ เช่น Lucid Motors และ Rimac ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยอาจส่งผลต่อส่วนแบ่งตลาดในอนาคต นอกจากนี้ นโยบายรัฐบาลในหลายประเทศที่มุ่งสู่การห้ามรถเครื่องยนต์เบนซิน/ดีเซลอาจกระทบต่อตลาดหลักของ Ferrari ในระยะยาว
Ferrari มีแผนการเติบโตที่ชัดเจนผ่านการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ในไตรมาศที่ 4 ปี 2025 และการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ไฮบริด การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติและการเชื่อมต่อดิจิทัล จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจของรถ Ferrari ในอนาคต ธุรกิจไลฟ์สไตล์และแบรนด์มีศักยภาพเติบโตสูง โดยเฉพาะในตลาดเอเชียที่มีลูกค้าผู้มีอำนาจซื้อสูงเพิ่มขึ้น การขยายธุรกิจบริการหลังการขายและศูนย์บริการยังเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้ต่อเนื่อง ด้วยฐานลูกค้าที่มีความผูกพันกับแบรนด์ และมีกำลังซื้อสูง Ferrari มีศักยภาพที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์หรูหราได้ในระยะยาว
สนใจลงทุนในหุ้น Ferrari (Ticker: RACE หรือ DR: FERRARI80) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย!
👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน