Keyword
Company History

Mobile World Investment Corporation (MWG) ร้านค้าปลีกเวียดนามครอบคลุมทุกพื้นที่ ขยายสาขาเร็ว ทำกำไรได้ในหลายสาขาธุรกิจ

27 Jun 25 10:35 AM
Mobile World Investment Corporation (MWG) ร้านค้าปลีกเวียดนามครอบคลุมทุกพื้นที่ ขยายสาขาเร็ว ทำกำไรได้ในหลายสาขาธุรกิจ
สรุปสาระสำคัญ

Mobile World Investment Corporation (MWG) บริษัทค้าปลีกสัญชาติเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HoSE) กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการค้าปลีกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในตลาดค้าปลีกหลายหมวดหมู่ของเวียดนาม ความแตกต่างของ MWG คือการมีพอร์ตธุรกิจที่หลากหลายถึง 6 สายงาน ตั้งแต่อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารสด ยาเภสัช สินค้าแม่และเด็ก ไปจนถึงการขยายสู่ตลาดภูมิภาค ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและการกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่น นอกจากนี้ MWG ยังเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกกลยุทธ์ Omni-channel ในภูมิภาค ที่ผสมผสานระหว่างการขายหน้าร้านและออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว มีการทำธุรกิจที่คล้ายกับ Walmart

จากร้านขายมือถือสู่จักรพรรดิค้าปลีกอาเซียน

 

MWG เริ่มต้นจากธุรกิจร้านขายโทรศัพท์มือถือ Thegioididong.com ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 โดยกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจค้าปลีก ช่วงแรกบริษัทเน้นการขายโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป และอุปกรณ์เทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่เป็นมิตรกับลูกค้าและการบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม

 

การขยายตัวครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2010 เมื่อ MWG เปิดตัว Dien May Xanh เครือข่ายร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในบ้าน ตามด้วยการเข้าสู่ธุรกิจมินิมาร์ทผ่าน Bach Hoa Xanh ในปลายปี 2015 การก้าวข้ามสู่ธุรกิจใหม่ในปีต่อๆมา เช่น An Khang Pharmacy ในปี 2023 AVAKids ในปี 2022 TopZone ในปี 2021 และ EraBlue ในอินโดนีเซียปี 2022 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขยายธุรกิจและการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ปัจจุบัน MWG มีเครือข่ายร้านค้ารวมกว่า 5,000 สาขาทั่วเวียดนาม และอินโดนีเซีย

 

 

โครงสร้างรายได้ที่สมดุลและแข็งแกร่ง

 

MWG มีโครงสร้างรายได้ที่กระจายตัวในหลายสายธุรกิจ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงและโอกาสการเติบโตที่หลากหลาย โดยแบ่งเป็น:

 

  1. Dien May Xanh (DMX) – 44.5% ของรายได้รวม

ธุรกิจร้านค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในบ้านที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดยมีสินค้าหลัก ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ทีวี และเครื่องครัว กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตจากความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของชนชั้นกลาง การเร่งตัวของการพัฒนาเมือง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายและการประหยัดพลังงาน

 

  1. Bach Hoa Xanh (BHX) – 30.8% ของรายได้รวม

เครือข่ายมินิมาร์ทที่เน้นจำหน่ายอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตจากความต้องการซื้อสินค้าประเภทอาหารสดที่มีคุณภาพและความสะดวกสบายในการเข้าถึง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากเทรนด์การบริโภคที่เปลี่ยนไป และการเติบโตของ quick commerce และการส่งสินค้าภายในวันเดียว

 

  1. Thegioididong.com (TGDD) – 22.5% ของรายได้รวม

ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์เทคโนโลยี โดยเน้นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์เสริมดิจิทัล รวมถึงแบรนด์พรีเมียมอย่าง Apple ผ่าน TopZone กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตจากความต้องการอัปเกรดอุปกรณ์สื่อสารและการขยายตัวของไลฟ์สไตล์ดิจิทัล โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ

 

  1. Others (รวม An Khang Pharmacy, AVAKids, EraBlue) – 2.2% ของรายได้รวม

กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นเภสัชกรรม สินค้าแม่และเด็ก และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะกลุ่ม กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตจากความต้องการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในหมู่ประชากรวัยทำงานและครอบครัวในเขตเมืองใหญ่ โดยได้รับแรงหนุนจากเทรนด์สุขภาพและการใส่ใจครอบครัวหลังยุคโควิด ซึ่งช่วยเร่งการขยายตัวของร้านขายยาและสินค้าแม่และเด็กในตลาดเมือง

 

xxxxc.png

 

กลยุทธ์ Omni-channel และจุดแข็งการดำเนินงาน

 

MWG มีจุดแข็งสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์ Omni-channel ที่ผสมผสานการขายหน้าร้านและออนไลน์เข้าด้วยกัน โดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและปรับปรุงประสบการณ์การช้อปปิ้งให้ตรงกับความต้องการ บริษัทมีการลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและโลจิสติกส์เป็นของตัวเอง ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนและคุณภาพการบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำเร็จของ MWG มาจากการมุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ด้วยการให้บริการที่เป็นมิตร บริการหลังการขาย และนโยบายการคืนสินค้าที่ยืดหยุ่น นอกจากนี้บริษัทยังมีความสามารถในการขยายเครือข่ายอย่างรวดเร็วและการปรับตัวเข้ากับความต้องการของตลาดท้องถิ่นได้ดี

 

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

 

เทียบกับ Best Buy (BBY) ในสหรัฐอเมริกา: Best Buy เป็นผู้ค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่เน้นสาขาขนาดใหญ่ พร้อมบริการเชิงเทคนิคอย่าง Geek Squad ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของบริษัท ทั้ง Best Buy และ MWG ต่างเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศของตน โดยทั้งสองบริษัทได้ปรับตัวเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ควบคู่กับหน้าร้าน เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แต่มีความแตกต่างที่สำคัญในแนวทางการดำเนินธุรกิจ Best Buy เน้นสาขาขนาดใหญ่และมูลค่าการบริการเชิงเทคนิคอย่าง Geek Squad โดยให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าอย่างครบวงจร ในขณะที่ MWG มุ่งเน้นความสะดวกและความใกล้ชิดกับผู้บริโภคในระดับชุมชน โดยมีร้านค้าขนาดเล็กที่เข้าถึงง่ายในพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างความสะดวกสบายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในระดับท้องถิ่น

 

 

เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย

 

เทียบกับ CP ALL Public Company Limited (CPALL): บริษัท CPALL ก่อตั้งขึ้นในปี 2531 โดยเป็นบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ และได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวจาก 7-Eleven, Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า “7-Eleven” ในประเทศไทย ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 14,000 แห่งทั่วประเทศ CPALL ได้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล แอป 7-Eleven Delivery ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าจากร้านและจัดส่งถึงที่

 

ทั้ง CP ALL และ MWG ต่างเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมค้าปลีกของอาเซียน โดยมุ่งสร้างระบบนิเวศการค้าปลีกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ความแตกต่างสำคัญคือ CP ALL เน้นการสร้างความสะดวกสบายและการเข้าถึงในชีวิตประจำวันผ่านร้าน 7-Eleven และบริการเดลิเวอรี่ออนไลน์ที่เชื่อมต่อกับระบบหน้าร้าน ขณะที่ MWG เลือกเติบโตผ่านการควบรวมธุรกิจแนวดิ่ง (Vertical Integration)และเสริมความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและการจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพสูง

 

 

ความท้าทายในตลาดการแข่งขัน

 

แม้ว่า MWG จะมีตำแหน่งที่แข็งแกร่งในตลาดเวียดนาม แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ การแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดเวียดนาม โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม E-Commerce จากจีนและสิงคโปร์ที่มีกำลังทุนมหาศาล การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ทำให้ต้องลงทุนในระบบเทคโนโลยีและโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การรักษาคุณภาพการบริการและการบริหารจัดการเครือข่ายร้านค้าขนาดใหญ่ก็เป็นความท้าทายที่สำคัญ รวมถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเวียดนามเป็นหลัก ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาค

 

 

อนาคตและโอกาสการเติบโต

 

MWG มีโอกาสการเติบโตที่น่าสนใจในอนาคต ด้วยการขยายธุรกิจสู่ตลาดภูมิภาคผ่าน EraBlue ในอินโดนีเซีย และศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดอาเซียนอื่นๆ การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบ AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การขยายธุรกิจสายใหม่ เช่น การเงินดิจิทัล บริการส่งอาหาร และสินค้าสุขภาพ ที่สอดคล้องกับเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภค

 

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกในระยะยาว ด้วยฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและระบบนิเวศธุรกิจที่ครบครัน MWG มีศักยภาพที่จะกลายเป็นผู้นำค้าปลีกระดับภูมิภาคในอนาคต

 

สนใจลงทุนในหุ้น Mobile World Investment Corporation (Ticker: MWG หรือ DR: MWG19) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

Stocks Mentioned
MWG.HM
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5