Keyword
Company History

Netflix (NFLX) ยักษ์ใหญ่สตรีมมิ่ง ที่เติบโตด้วยคอนเทนต์ระดับโลกและนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง

18 Jun 25 5:59 PM
Netflix (NFLX) ยักษ์ใหญ่สตรีมมิ่ง ที่เติบโตด้วยคอนเทนต์ระดับโลกและนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง
สรุปสาระสำคัญ

Netflix (NFLX) บริษัทสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาที่จดทะเบียนในตลาด NASDAQ กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการบันเทิงระดับโลก จากบริษัทที่เริ่มต้นด้วยการให้เช่า DVD ทางไปรษณีย์ วันนี้ Netflix กลายเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีสมาชิกกว่า 300 ล้านคนใน 190 ประเทศทั่วโลก พร้อมคอนเทนต์คุณภาพที่ครอบคลุมทุกภาษาและวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ดังอย่าง Squid Game, Wednesday หรือภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่กวาดรางวัลออสการ์ ที่น่าทึ่งคือ Netflix ไม่ได้หยุดแค่การเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แต่กำลังขยายสู่ธุรกิจใหม่ๆ ทั้งเกม การถ่ายทอดสดกีฬา และแม้แต่ประสบการณ์บันเทิงในโลกจริง ทำให้นักลงทุนทั่วโลกจับตามองว่า Netflix จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนได้อย่างไรในอนาคต

จากธุรกิจเช่า DVD สู่ผู้นำสตรีมมิ่งระดับโลก

 

Netflix ก่อตั้งโดย Reed Hastings และ Marc Randolph ในปี 1997 เริ่มต้นจากไอเดียง่ายๆ ในการให้เช่า DVD ทางไปรษณีย์แบบไม่มีค่าปรับล่าช้า ซึ่งเป็นการท้าทายโมเดลธุรกิจร้านเช่าวิดีโอแบบดั้งเดิมในยุคนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Blockbuster ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการในขณะนั้น การแข่งขันระหว่าง Netflix และ Blockbuster กลายเป็นตำนานในวงการธุรกิจ โดยมีจุดพีคคือในปี 2000 ที่ Netflix พยายามเสนอขายกิจการให้ Blockbuster ในราคา 50 ล้านดอลลาร์ แต่ถูกปฏิเสธแบบไม่ใยดี เพราะถูกมองว่าเป็นธุรกิจเฉพาะกลุ่มเล็กๆ ก่อนที่ Blockbuster จะล้มละลายไปในปี 2010 ในขณะที่ Netflix กลับกลายเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง

 

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2007 เมื่อ Netflix ตัดสินใจเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งออนไลน์ ซึ่งในตอนนั้นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเริ่มแพร่หลายมากขึ้น


การก้าวกระโดดครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2013 เมื่อ Netflix ผลิตซีรีส์ออริจินัลเรื่องแรกคือ House of Cards ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม นับจากนั้น Netflix ได้ลงทุนผลิตคอนเทนต์ออริจินัลอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีผลงานที่ได้รับการยอมรับระดับโลกมากมาย อาทิ Stranger Things, The Crown, Bridgerton และล่าสุดคือ Squid Game ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก

 

 

โครงสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งและหลากหลาย

 

Netflix มีโครงสร้างรายได้จากการสมัครสมาชิก้ที่แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่

  1. ภูมิภาค UCAN (สหรัฐอเมริกาและแคนาดา) 44% - ยังคงเป็นตลาดหลักที่สร้างรายได้สูงสุด ด้วยจำนวนสมาชิกที่มั่นคงและค่าสมาชิกเฉลี่ยต่อคนที่สูง
  2. ภูมิภาค EMEA (ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) 32% - เป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุโรปที่มีกำลังซื้อสูงและวัฒนธรรมการบริโภคคอนเทนต์ที่หลากหลาย
  3. ภูมิภาค APAC (เอเชียแปซิฟิก) 12% - แม้สัดส่วนยังน้อยแต่เป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงที่สุด โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
  4. ภูมิภาค LATAM (ละตินอเมริกา) 12% - ตลาดที่มีความท้าทายด้านกำลังซื้อแต่มีฐานผู้ชมที่ชื่นชอบคอนเทนต์บันเทิงขนาดใหญ่

Picture4.png

นอกจากนี้ Netflix ยังเริ่มมีรายได้จากแพ็กเกจที่มีโฆษณา (Ad-supported tier) ซึ่งเปิดตัวในหลายประเทศ และคาดว่าจะเป็นแหล่งรายได้สำคัญในอนาคต

 

 

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่โดดเด่น

 

Netflix มีกลยุทธ์หลักที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่ง คือการลงทุนผลิตคอนเทนต์ท้องถิ่นในแต่ละประเทศ (Local Content) แต่มีคุณภาพระดับสากล ทำให้คอนเทนต์จากประเทศหนึ่งสามารถดึงดูดผู้ชมทั่วโลกได้ เช่น ซีรีส์เกาหลีอย่าง Kingdom หรือ All of Us Are Dead ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

 

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการใช้ข้อมูล (Data Analytics) ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ชม เพื่อผลิตคอนเทนต์ที่ตรงใจ และใช้ระบบ Recommendation ที่แม่นยำ ทำให้ผู้ชมค้นพบคอนเทนต์ที่ชอบได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Netflix ยังขยายไปสู่ธุรกิจเกม โดยนำเสนอเกมฟรีสำหรับสมาชิก และล่าสุดได้เข้าสู่ตลาดการถ่ายทอดสดกีฬาด้วยการซื้อลิขสิทธิ์ WWE และ NFL

 

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่ง

 

เทียบกับ Disney+ (DIS): Disney+ มีจุดแข็งด้าน Intellectual Property (IP) ที่โดดเด่น ด้วยคอนเทนต์จากแฟรนไชส์ระดับโลก เช่น Marvel, Star Wars, Pixar และ Disney Animation ซึ่งมีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวและเด็ก จุดเด่นของ Disney+ คือการควบคุมคุณภาพของเนื้อหาให้อยู่ในภาพลักษณ์ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับผู้ชมทุกเพศทุกวัย  ในทางกลับกัน Netflix โดดเด่นในเรื่องความหลากหลายของคอนเทนต์ที่ครอบคลุมทุกแนว ทั้งดราม่า, สารคดี, สยองขวัญ, โรแมนติก, แอนิเมชัน รวมถึงรายการเรียลลิตี้และเกมโชว์ อีกทั้งยังผลิตออริจินัลคอนเทนต์จากหลายประเทศทั่วโลก เช่น Money Heist (สเปน), Alice in Borderland (ญี่ปุ่น) และ The Glory (เกาหลีใต้) ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ 

 

เทียบกับ TRUE ID ในไทย(Ticker : TRUE) : TRUE ID เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสัญชาติไทยที่เน้นเจาะตลาดในประเทศ จุดแข็งของ TRUE ID คือการนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงกับความนิยมของคนไทย เช่น ละครไทย, รายการวาไรตี้, และ ถ่ายทอดสดกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและวอลเลย์บอลทีมชาติ ซึ่งถือเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงผู้ใช้งาน เมื่อเทียบกับ Netflix แล้ว TRUE ID มีจุดได้เปรียบในด้าน ราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า และความคุ้นเคยของผู้ชมกับคอนเทนต์ในประเทศ แต่ในแง่ของคอนเทนต์ระดับโลก, ความหลากหลายของประเภทเนื้อหา, การลงทุนในออริจินัลโปรดักชัน รวมถึง เทคโนโลยีการแนะนำคอนเทนต์ (AI-based recommendation) Netflix ยังคงเหนือกว่าอย่างชัดเจน

 

 

ความท้าทายและความเสี่ยง

 

Netflix ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Disney+, HBO Max, Apple TV+ และ Amazon Prime Video ที่ต่างลงทุนผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูง นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตคอนเทนต์ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการที่ตลาดสตรีมมิ่งในหลายประเทศเริ่มอิ่มตัว ทำให้การเติบโตจำนวนสมาชิกช้าลง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากการที่ผู้ชมอาจเกิดความเบื่อหน่ายจากการมีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งมากเกินไป (Subscription Fatigue) และเลือกที่จะยกเลิกบริการบางส่วน

 

 

อนาคตและโอกาสการเติบโต

 

แม้จะเผชิญความท้าทาย แต่ Netflix ยังมีโอกาสเติบโตจากการขยายตัวในตลาดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชียและแอฟริกาที่ยังมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น การพัฒนาแพ็กเกจที่มีโฆษณาจะช่วยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อน้อยกว่า และการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่อย่างเกมและการถ่ายทอดสด รวมถึงการสร้างประสบการณ์บันเทิงในโลกจริง (Live Experiences) จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ในอนาคต

การที่ Netflix มีฐานข้อมูลผู้ชมขนาดใหญ่และเทคโนโลยี AI ที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้สามารถผลิตคอนเทนต์ที่ตรงใจผู้ชมและบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

สนใจลงทุนในหุ้น Netflix (Ticker : NFLX, DR : NFLX 80) และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ จากทั่วโลกได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่ให้คุณเข้าถึงการลงทุนระดับโลกได้แบบไร้ขีดจำกัด สนใจเปิดบัญชีลงทุน คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Stocks Mentioned
NFLX.NB
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5