Company History

Sanrio Company, Ltd. (8136.T) : จาก Hello Kitty สู่อาณาจักร Sanrio แบรนด์แห่งความน่ารักที่เติบโตอย่างยั่งยืน

31 Oct 25 3:56 PM
Sanrio
สรุปสาระสำคัญ

ในยุคที่เทรนด์ตัวละครและการบริโภคคอนเทนต์ความบันเทิงเติบโตอย่างต่อเนื่อง Sanrio Company, Ltd. (8136.T) ยังคงเป็นหนึ่งในบริษัท IP (Intellectual Property) ชั้นนำของโลก ที่ไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของตัวละครระดับไอคอนิกอย่าง Hello Kitty เท่านั้น แต่ยังสร้างอาณาจักรแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคทั่วโลกมากกว่า 50 ปี

Sanrio Company, Ltd. เป็นผู้นำด้านธุรกิจคาแรกเตอร์ระดับโลก โดยมีพอร์ตตัวละครกว่า 450 ตัว เช่น Hello Kitty, My Melody, Kuromi และ Cinnamoroll ดำเนินกลยุทธ์ “Wide-Range Character Strategy” เพื่อส่งเสริมตัวละครหลายตัวพร้อมกัน บริษัทมุ่งพัฒนา IP ให้เป็น Evergreen พร้อมขยายฐานธุรกิจในระดับโลก โดยใช้ Anniversary Marketing สร้างกระแสต่อเนื่อง เช่น ครบรอบ Hello Kitty และ Kuromi ขณะเดียวกัน ธุรกิจไลเซนส์ของ Sanrio เติบโตโดดเด่นในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย จากความร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกและลีกกีฬาอาชีพ ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ในฐานะผู้นำ Kawaii Culture ระดับโลก

ประวัติและความเป็นมา

 

Sanrio Company, Ltd. ก่อตั้งในปี 1960 โดย Shintaro Tsuji เริ่มจากธุรกิจของขวัญเล็กๆ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “Sanrio” ในปี 1973 จุดเปลี่ยนสำคัญคือปี 1974 เมื่อ Yuko Shimizu ออกแบบ Hello Kitty ตัวละครแมวขาวโบว์แดงที่กลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลก ต่อมา Sanrio สร้างตัวละครใหม่ต่อเนื่อง เช่น My Melody, Little Twin Stars, Keroppi และ Cinnamoroll ขยายฐานแฟนคลับทุกช่วงวัย บริษัทเปิดสำนักงานต่างประเทศตั้งแต่ปี 1976 และสวนสนุก Sanrio Puroland ในปี 1990 ยุคใหม่ Sanrio มุ่งขยายธุรกิจ Licensing ทั่วโลก พร้อมปรับใช้ Digital Transformation และ Social Media Marketing เพื่อเข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ ปัจจุบันมีตัวละครกว่า 450 ตัว และเป็นหนึ่งในเจ้าของแบรนด์และลิขสิทธิ์ตัวละคร (Intellectual Property: IP) ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

 

 

โครงสร้างรายได้และแหล่งรายได้หลัก

 

โครงสร้างรายได้ของ Sanrio แบ่งออกเป็น 3 หน่วยธุรกิจหลักตามภูมิภาค และ 3 ประเภทธุรกิจหลักตามลักษณะการดำเนินงาน:

 

แบ่งตามภูมิภาค

 

Picture1.png

 

 

1.ประเทศญี่ปุ่น (Japan) – 58%

ตลาดหลักของ Sanrio ครอบคลุมทั้งการค้าปลีก ไลเซนส์ และสวนสนุก โดยเฉพาะ Sanrio Puroland และ Harmonyland ที่ทำกำไรสูงสุด พร้อมปรับระบบดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

2.อเมริกาเหนือ (North America) – 19%

เติบโตโดดเด่นจากธุรกิจไลเซนส์ ของเล่น เครื่องแต่งกาย และดิจิทัล ร่วมมือกับแบรนด์ดัง กีฬาอาชีพ และห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เพื่อขยายการรับรู้แบรนด์

 

3.เอเชีย (Asia) – 18%

เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีนที่มีฐานแฟนคลับแข็งแกร่ง สนับสนุนการขยายแบรนด์และสร้างโอกาสในตลาดเกิดใหม่ทั่วภูมิภาค

 

4. ยุโรป (Europe) – 5%

ขยายตัวแรงจากความร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นและ Fast Fashion ใช้ตัวละครหลากหลายเพิ่มศักยภาพการเติบโตและเข้าถึงตลาดใหม่

 

 

แบ่งตามประเภทธุรกิจ

 

1. ธุรกิจไลเซนส์ (Licensing Business)

เป็นหัวใจหลักของ Sanrio สร้างรายได้และกำไรสูงสุดจากความนิยมของตัวละครทั่วโลก ครอบคลุมสินค้าหลากหลายหมวด เช่น ของเล่น เสื้อผ้า เครื่องเขียน และดิจิทัล โดยมีอัตรากำไรสูงเพราะไม่ต้องลงทุนในการผลิตเอง

 

2. ธุรกิจค้าปลีก (Retail Business)

ร้านค้า Sanrio ทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญกับผู้บริโภค บริษัทพัฒนาระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์การช็อปที่สะดวกและเข้าถึงแบรนด์ได้โดยตรง

 

3. ธุรกิจสวนสนุก (Theme Park Business)
ประกอบด้วย Sanrio Puroland และ Harmonyland ซึ่งทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2025 จากจำนวนผู้เข้าชมและการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น พร้อมกิจกรรมครบรอบตัวละครที่ช่วยสร้างประสบการณ์และความผูกพันกับแบรนด์

 

 

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและจุดแข็งของ Sanrio

 

Sanrio ดำเนินกลยุทธ์ภายใต้แผนการพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตจาก “กระแสชั่วคราว” สู่ “แบรนด์ที่คงคุณค่าและได้รับการยอมรับอย่างยั่งยืนในทุกยุคสมัย

 

1.กลยุทธ์การตลาดและการขายเพื่อทำให้ IP เป็น Evergreen ระดับโลก

Sanrio ใช้แนวทาง “Wide-Range Character Strategy” ส่งเสริมตัวละครหลายตัวพร้อมกัน แทนการพึ่งพา Hello Kitty เพียงตัวเดียว ช่วยกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงผู้บริโภคหลายช่วงวัย พร้อมใช้ “Anniversary Marketing” เป็นเครื่องมือหลักในการต่ออายุแบรนด์ เช่น การฉลองครบรอบ Hello Kitty, Kuromi และ My Melody เพื่อสร้างกระแสและความต่อเนื่องให้แบรนด์คงอยู่ในใจผู้บริโภคทั่วโลก

 

2. พัฒนากลุยุทธ์ให้เหมาะสมแต่ละภูมิภาคเพื่อการเติบโตระดับโลก

บริษัทปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมในแต่ละภูมิภาค ยุโรปเน้นความร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นและ Fast Fashion อเมริกาเหนือมุ่งเติบโตในหมวดของเล่น เครื่องแต่งกาย และดิจิทัล พร้อมสร้างการรับรู้ผ่านเกมและกีฬา ด้านเอเชียเร่งขยายในจีนและตลาดเกิดใหม่ ส่วนญี่ปุ่นพัฒนาระบบการดำเนินงานด้วยเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ

 

3. ขยายพอร์ตโฟลิโอ IP และสร้างรายได้ในหลายธุรกิจ

Sanrio เสริมความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจครบวงจร ตั้งแต่การขยายธุรกิจไลเซนส์ในหลายภูมิภาค การพัฒนาร้านค้าปลีกและสวนสนุกให้เป็นจุดสร้างประสบการณ์ ไปจนถึงการเพิ่มบทบาทในโลกดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย พร้อมจับมือกับแบรนด์แฟชั่นและกีฬาอาชีพระดับโลก เพื่อขยายการรับรู้และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องทั่วโลก

 

 

จุดแข็งสำคัญของ Sanrio

 

จุดแข็งของ Sanrio อยู่ที่ภาพลักษณ์ของแบรนด์และ IP ที่แข็งแกร่ง มีตัวละครหลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มวัย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยเฉพาะ Hello Kitty ที่เป็นสัญลักษณ์ระดับโลก พร้อมตัวละครรุ่นใหม่อย่าง Kuromi และ Cinnamoroll ที่ช่วยเสริมความสดใหม่ให้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง Sanrio ยังมีฐานแฟนคลับที่แน่นและมีการมีส่วนร่วมสูง อีกทั้งยังเน้นการสนับสนุนด้วยโมเดลธุรกิจ Licensing ที่ให้ผลตอบแทนดีและขยายได้ทั่วโลก ด้วยประสบการณ์ยาวนานและเครือข่ายพันธมิตรระดับนานาชาติ บริษัทสามารถรักษาเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม Kawaii ได้อย่างโดดเด่นและยั่งยืน

 

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

 

เปรียบเทียบกับ The Walt Disney Company (DIS)

 

Sanrio และ The Walt Disney Company ต่างเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรม Character IP แต่มีแนวทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน Disney โดดเด่นด้วย “Story-Driven Content” ที่สร้างตัวละครผ่านภาพยนตร์ ซีรีส์ และคอนเทนต์ขนาดใหญ่ ก่อนต่อยอดสู่สินค้าและสวนสนุก แม้สร้างรายได้มหาศาลแต่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ขณะที่ Sanrio ใช้การมุ่งสร้างตัวละครน่ารัก (Kawaii) ที่ไม่ต้องมีเนื้อเรื่องซับซ้อน ทำให้ยืดหยุ่นต่อการใช้งานในหลากหลายหมวดสินค้า ธุรกิจหลักคือ Licensing ที่มีต้นทุนต่ำและกำไรสูง พร้อมกลยุทธ์ “Wide-Range Character” ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกอย่างยั่งยืน.

 

 

อนาคตและโอกาสการเติบโตของ Sanrio

 

Sanrio มุ่งพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตจาก “กระแสชั่วคราว” สู่ “แบรนด์ที่คงคุณค่าและได้รับการยอมรับอย่างยั่งยืนในทุกยุคสมัย ผ่านการเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ในหลายมิติ เริ่มจากการขยายฐานในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป อเมริกา และเอเชีย ที่ความนิยมในวัฒนธรรม Kawaii เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Sanrio ใช้พลังของ Anniversary Marketing และความร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลก รวมถึงลีกกีฬาอาชีพ เพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ๆ และเชื่อมโยงกับผู้บริโภครุ่นใหม่ทั่วโลก ขณะเดียวกันยังรุกเข้าสู่โลก Digital & Gaming เพื่อต่อยอดตัวละครในสื่อออนไลน์และเกมมือถือ สร้างรายได้จากหมวดดิจิทัลที่เติบโตเร็ว อีกทั้งยังคงยึดกลยุทธ์ Wide-Range Character ที่มีตัวละครกว่า 450 ตัว ช่วยให้ปรับตัวตามเทรนด์ได้ตลอดเวลา พร้อมฐานแฟนคลับเหนียวแน่นที่เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์สู่อนาคตอย่างยั่งยืน

 

 

ความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

 

แม้ Sanrio จะมีจุดแข็งด้านแบรนด์และการเติบโตที่โดดเด่น แต่ยังต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงหลายด้าน ทั้งการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์และความนิยมของตัวละครที่อาจลดลงตามกาลเวลา การแข่งขันรุนแรงจาก IP ระดับโลกอย่าง Disney หรือ Pokemon รวมถึงความเสี่ยงจากพันธมิตร Licensing ที่อาจส่งผลต่อคุณภาพสินค้า นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ภูมิรัฐศาสตร์ และการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งหากบริหารจัดการไม่ดี อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของแบรนด์และการเติบโตในระยะยาว

 

 

สนใจลงทุนในหุ้น Sanrio (8136.T) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว

 

คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5