PDF Available  
Company History

TME23 DR23 จาก InnovestX กับโอกาสลงทุน Tencent Music Entertainment Group (1698.HK): ผู้นำแอปพลิเคชันดนตรีดิจิทัลของจีน ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และกลยุทธ์ Dual Engine

19 Nov 25 9:41 AM
สรุปสาระสำคัญ

Tencent Music Entertainment Group (TME, TME23) คือผู้นำตลาดเพลงดิจิทัลของจีนที่เกิดจากการควบรวมของ QQ Music, Kugou Music และ Kuwo Music ภายใต้เครือ Tencent เพื่อสร้างระบบนิเวศดนตรีครบวงจรในโลกออนไลน์ บริการครอบคลุมตั้งแต่สตรีมมิงเพลง คาราโอเกะ ไลฟ์สตรีม ไปจนถึงคอนเสิร์ตเสมือนจริง ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง WeSing ที่เปิดให้ผู้ใช้ร้องเพลง สร้างห้องคาราโอเกะ หรือโต้ตอบกับศิลปินได้แบบเรียลไทม์ พร้อมเทคโนโลยี AIGC ที่ช่วยสร้างเพลง แต่งเนื้อร้อง และทำเพลย์ลิสต์ส่วนตัว ปัจจุบันรายได้หลักของ TME มาจากบริการเพลงออนไลน์กว่า 76.6% สะท้อนแนวโน้มผู้บริโภคจีนที่ยอมจ่ายมากขึ้นเพื่อฟังเพลงลิขสิทธิ์

เมื่อรวมระบบเพลงเข้ากับฟีเจอร์โซเชียลที่แข็งแรง ทำให้ TME สร้าง engagement ได้สูงและมีฐานผู้ใช้เหนียวแน่นกว่าคู่แข่ง จุดแข็งของบริษัทคือกลยุทธ์ Dual Engine ที่ขับเคลื่อนด้วย Content และ Platform เชื่อมโยงศิลปิน แฟนเพลง และครีเอเตอร์ผ่านบริการต่างๆ เช่น QQ Music และ WeSing พร้อมยกระดับประสบการณ์ด้วย AI ในเชิงการแข่งขัน TME ได้เปรียบ Spotify ชัดเจนในจีนเพราะเป็นทั้ง music platform และ social entertainment ที่ผสานเข้ากับอีโคซิสเต็มของ Tencent อย่าง WeChat ทำให้มีโมเดลรายได้ที่หลากหลายกว่า ตั้งแต่ค่าสมาชิก โฆษณา ไปจนถึงของขวัญเสมือน มองไปข้างหน้า TME จะเร่งใช้ AI, long-form audio และ smart devices เพื่อขยายฐานผู้ใช้

ประวัติและความเป็นมาของ Tencent Music Entertainment Group (TME)

TME เป็นบริษัทในเครือของ Tencent Holdings Limited ที่ถือกำเนิดขึ้นจากการควบรวมกิจการระหว่างแพลตฟอร์มเพลงออนไลน์รายใหญ่ของจีน ได้แก่ QQ Music, Kugou Music และ Kuwo Music ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มมีฐานผู้ใช้จำนวนมหาศาลและเน้นกลุ่มผู้ฟังที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างระบบนิเวศดนตรีครบวงจรบนโลกดิจิทัลของจีน บริษัทจดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตหนานซาน เมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีชั้นนำของจีน โดยดำเนินธุรกิจหลักผ่านบริษัทลูกและบริษัท VIEs ภายในประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดด้านการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและบริการออนไลน์ของจีน

 

TME เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) เมื่อเดือนธันวาคม 2018 และต่อมาในเดือนกันยายน 2022 ได้เข้าจดทะเบียนซ้ำในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อขยายฐานนักลงทุนระดับโลก ปัจจุบัน TME เป็นผู้นำตลาดเพลงดิจิทัลของจีน ครอบคลุมทั้งบริการสตรีมมิงเพลง (QQ Music, Kugou, Kuwo) และแพลตฟอร์มโซเชียลเอ็นเตอร์เทนเมนต์อย่าง WeSing โดยใช้เทคโนโลยี AI และ AIGC มาช่วยในการคัดสรร คำแนะนำ และสร้างสรรค์เนื้อหาดนตรีใหม่ๆ บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงศิลปิน แฟนเพลง และครีเอเตอร์ เพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศดนตรีของจีนให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนเวทีโลก

 

โครงสร้างรายได้และแหล่งรายได้หลัก

  1. รายได้จากบริการเพลงออนไลน์ (Online Music Services) — 76.6% ของรายได้รวม

ในปี 2024 TME มีรายได้จาก บริการเพลงออนไลน์ (Online Music Services) คิดเป็น 76.6% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจาก 62.4% ในปี 2023 รายได้ส่วนใหญ่เกิดจาก การสมัครสมาชิกเพลง (music subscriptions) ที่ผู้ใช้จ่ายค่าบริการรายเดือนเพื่อเข้าถึงเพลงและสิทธิพิเศษต่างๆ บริษัทยังมีรายได้จากบริการเสียงแบบยาว (long-form audio) การให้สิทธิ์ใช้งานเนื้อหา (content licensing) การขายอัลบั้มดิจิทัล สินค้าเกี่ยวกับศิลปิน และคอนเสิร์ตออฟไลน์ TME ได้ขยายรูปแบบรายได้ให้หลากหลายมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีแนะนำเพลงและระบบสมาชิกเพื่อเพิ่มอัตราการจ่ายเงิน (paying ratio) ซึ่งสะท้อนการเติบโตของตลาดเพลงที่ผู้บริโภคจีนยอมจ่ายเพื่อฟังเพลงลิขสิทธิ์มากขึ้น

 

TME ยังเน้นสร้างระบบนิเวศดนตรีครบวงจรผ่านแอปหลักทั้ง QQ Music, Kugou Music และ Kuwo Music ซึ่งเข้าถึงผู้ใช้หลายกลุ่มทั่วประเทศ ด้วยคลังเพลงขนาดใหญ่และการเชื่อมต่อกับบริการสังคมดนตรี เช่น WeSing และแพลตฟอร์มศิลปิน Tencent Musician Platform ทำให้บริษัทสามารถผสานประสบการณ์ฟัง ร้อง และแบ่งปันเพลงได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งช่วยผลักดันให้รายได้จากบริการเพลงออนไลน์กลายเป็นเสาหลักของธุรกิจในปีล่าสุด

 

  1. รายได้จากบริการโซเชียลเอ็นเตอร์เทนเมนต์และอื่นๆ (Social Entertainment Services and Others) — 23.4% ของรายได้รวม

รายได้จากบริการโซเชียลเอ็นเตอร์เทนเมนต์และอื่นๆ คิดเป็น 23.4% ของรายได้รวม ลดลงจาก 37.6% ในปี 2023 สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการไลฟ์สตรีมและคาราโอเกะออนไลน์ที่ลดลง เนื่องจากการแข่งขันสูง การปรับฟังก์ชันบางส่วนเพื่อสอดคล้องกับข้อกำกับดูแลใหม่ และการจำกัดฟีเจอร์บางอย่างสำหรับผู้เยาว์ รายได้ในส่วนนี้เกิดจากการขายของขวัญเสมือน (virtual gifts) และสมาชิกพรีเมียม โดยบริษัทแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งให้กับศิลปินและเอเจนซีตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้

 

แม้ว่ารายได้จากหมวดนี้จะเผชิญแรงกดดัน แต่ TME ยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงโต้ตอบและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เช่น การนำโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) มาใช้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ และการขยายรูปแบบบันเทิงเชิงโต้ตอบในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศความบันเทิงทางดนตรีของบริษัทในระยะยาว

 

Screenshot-2025-11-19-094441.png

 

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและจุดแข็ง

  1. Dual Engine Strategy – เนื้อหา (Content) และแพลตฟอร์ม (Platform)

TME ใช้กลยุทธ์ Dual Engine Strategy ที่ขับเคลื่อนด้วยสองเสาหลัก คือ การสร้างและจัดหาเนื้อหา (Content) และ การพัฒนาแพลตฟอร์ม (Platform) โดยบริษัทมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์เพลงและเสียงแบบครบวงจรผ่านแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้สามารถฟัง ร้อง ดู และแชร์ ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะผ่าน QQ Music, Kugou, Kuwo หรือ WeSing กลยุทธ์นี้ทำให้ TME สามารถนำเสนอคลังเพลงขนาดใหญ่ ฟีเจอร์แนะนำเพลงอัจฉริยะ เพลย์ลิสต์ และวิดีโอคอนเทนต์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ TME ยังขยายบริการเสียงแบบยาว (audiobooks, podcasts) เพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมการบริโภคสื่อแตกต่างกัน บริษัทจึงสามารถรักษาฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่และเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วม (engagement) ได้อย่างต่อเนื่อง

 

ในขณะเดียวกัน เสาหลักด้าน Platform ของกลยุทธ์นี้มุ่งสร้างระบบนิเวศที่ศิลปินและครีเอเตอร์สามารถเชื่อมต่อกับแฟนเพลงได้โดยตรง เช่น ผ่าน Tencent Musician Platform และคอนเสิร์ตแบบผสมออนไลน์ ออฟไลน์ TME Live ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นใหม่เข้าถึงผู้ฟังในวงกว้าง และสร้างรายได้ผ่านช่องทางหลากหลาย กลยุทธ์นี้จึงทำให้ TME มีความได้เปรียบทางการแข่งขันในฐานะศูนย์กลางของอุตสาหกรรมดนตรีดิจิทัลของจีน

 

  1. ระบบนิเวศดนตรีครบวงจร (Integrated Music Ecosystem)

TME มุ่งสร้างระบบนิเวศดนตรีครบวงจรที่รวมทุกประสบการณ์ของผู้ใช้ไว้ในที่เดียว ตั้งแต่การฟังเพลงใน QQ Music การร้องคาราโอเกะใน WeSing ไปจนถึงการรับชมคอนเสิร์ตแบบโต้ตอบผ่าน Kugou และ Kuwo แต่ละแอปถูกออกแบบให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่าง เช่น QQ Music เจาะกลุ่มคนเมืองรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบศิลปินชั้นนำ Kugou เน้นตลาดแมสทั่วประเทศ และ Kuwo เชื่อมต่อกับบริการเพลงในรถยนต์ (in-car music) เพื่อตอบรับการเติบโตของตลาด smart car ในจีน แอปทั้งหมดนี้เชื่อมต่อกันด้วยคลังเพลงและระบบผู้ใช้เดียว ทำให้ประสบการณ์ของผู้ฟังต่อเนื่องและเป็นเอกภาพ

 

กลยุทธ์นี้ช่วยให้ TME สร้าง one-stop music and audio entertainment experience ซึ่งไม่เพียงเพิ่มเวลาใช้งานของผู้ใช้ แต่ยังสร้างโอกาสในการทำรายได้จากหลายช่องทาง ทั้งการสมัครสมาชิก โฆษณา และกิจกรรมศิลปิน การบูรณาการแพลตฟอร์มทั้งหมดจึงเป็นหนึ่งในจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ TME ครองความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

 

  1. การใช้เทคโนโลยี AI และ AIGC เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการนำเทคโนโลยี AI และ AI Generative Content (AIGC) มายกระดับประสบการณ์ทั้งฝั่งผู้ใช้และผู้สร้างสรรค์เนื้อหา TME ผสานความสามารถของโมเดลภาษาขนาดใหญ่อย่าง DeepSeek เข้าไปในหลายจุดของแพลตฟอร์ม ตั้งแต่การค้นหาเพลงด้วยภาษาธรรมชาติ การเขียนคอมเมนต์ในหลากหลายโทน ไปจนถึงการจัดเพลย์ลิสต์ส่วนบุคคลที่ตอบโจทย์อารมณ์และพฤติกรรมการฟังของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี AI-powered audio effects ที่ช่วยปรับคุณภาพเสียงให้เหมาะกับแต่ละเพลง และฟีเจอร์ AI Voice Extraction ที่แยกเสียงร้องและดนตรีออกจากกัน เพื่อเสริมประสบการณ์คาราโอเกะให้สนุกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ TME เริ่มใช้ AIGC เพื่อช่วยศิลปินและครีเอเตอร์สร้างเสียงใหม่ ทำนองใหม่ หรือเดโมเพลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์หน้าใหม่สามารถทดลองไอเดียได้โดยไม่ต้องพึ่งสตูดิโอแบบดั้งเดิมมากนัก เทคโนโลยีนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงฟีเจอร์เสริม แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยขยายระบบนิเวศดนตรีให้มีคอนเทนต์หลากหลายขึ้น ทั้งฝั่งผู้ใช้และผู้สร้าง

 

แม้เทคโนโลยี AI จะมาพร้อมความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์และข้อกำกับดูแล แต่ TME มองว่า AI จะเป็นหัวใจสำคัญของ “Music 3.0 Era” ยุคที่เทคโนโลยีและมนุษย์ร่วมกันสร้างสรรค์ดนตรีในรูปแบบใหม่ ผู้ฟังสามารถมีส่วนร่วมในหลายขั้นตอนของวงจรเพลง ตั้งแต่การแต่ง การรีมิกซ์ ไปจนถึงประสบการณ์การแสดงสด ทำให้แพลตฟอร์มของ TME ไม่ได้เป็นแค่ที่ฟังเพลง แต่เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ร่วมระหว่างศิลปิน เทคโนโลยี และผู้ใช้ในอนาคตอย่างแท้จริง

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

เทียบกับ Spotify Technology S.A. จากยุโรป: Spotify เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงระดับโลกจากสวีเดนที่ให้บริการในกว่า 180 ประเทศ โดยใช้โมเดลธุรกิจแบบ freemium ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกฟังเพลงฟรีที่มีโฆษณาหรือสมัครสมาชิกแบบ Premium เพื่อฟังเพลงโดยไม่มีโฆษณา ปัจจุบัน Spotify มีฐานผู้ใช้งานต่อเดือน (MAUs) กว่า 690 ล้านคน และสมาชิกแบบชำระเงินกว่า 270 ล้านราย ทำให้เป็นผู้นำในตลาดสตรีมมิงระดับโลก บริษัทมีจุดแข็งในด้านอัลกอริทึมการแนะนำเพลงที่ทรงพลัง คลังเพลงลิขสิทธิ์ขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ และการขยายพอร์ตคอนเทนต์ไปสู่พอดแคสต์และออดิโอบุ๊ก ซึ่งช่วยเพิ่มระยะเวลาการใช้งานและรายได้ต่อผู้ใช้ในระยะยาว

 

ในทางกลับกัน TME เป็นผู้นำตลาดในจีนที่มีระบบนิเวศดนตรีครบวงจรและเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มโซเชียลของ Tencent เช่น WeChat และ QQ อย่างใกล้ชิด จุดแข็งของ TME คือการผสานบริการฟังเพลง (QQ Music, Kugou, Kuwo) เข้ากับบริการโซเชียลเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (WeSing, Live Streaming) ซึ่งสร้างรายได้จากทั้งค่าสมาชิกและการขายของขวัญเสมือนคอนเสิร์ตออนไลน์ นอกจากนี้ TME ยังใช้เทคโนโลยี AI และ Generative AI เพื่อปรับประสบการณ์ผู้ใช้ให้เป็นส่วนตัว และช่วยศิลปินสร้างเนื้อหาได้รวดเร็วกว่า Spotify ความได้เปรียบของ TME จึงอยู่ที่การ เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้จีนอย่างลึกซึ้ง มีรูปแบบรายได้หลากหลายกว่าการสมัครสมาชิกเพียงอย่างเดียวและเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศดิจิทัลของ Tencent ซึ่งช่วยให้บริษัทมีฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่และการมีส่วนร่วมสูงในตลาดที่มีอุปสรรคด้านการแข่งขันจากต่างประเทศสูง

 

เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย

เปรียบเทียบกับ GMM GRAMMY ในประเทศไทย: GMM GRAMMY เป็นบริษัทในธุรกิจความบันเทิงรายใหญ่ที่สุดของไทย ดำเนินธุรกิจแบบ Integrated Entertainment Platform ครอบคลุมเพลง ทีวีดิจิทัล วิทยุ ภาพยนตร์ อีเวนต์ คอนเสิร์ต โฮมช้อปปิง และธุรกิจสื่อดิจิทัลต่างๆ จุดแข็งหลักยังอยู่ที่ธุรกิจเพลง ซึ่งรวมถึงค่ายย่อยจำนวนมาก การปั้นศิลปิน การจัดคอนเสิร์ต และบริหารลิขสิทธิ์เพลง โดยในปี 2024 ธุรกิจเพลงคิดเป็นราว 65% ของรายได้รวม ขณะที่ธุรกิจอื่นอย่างโฮมช้อปปิง ภาพยนตร์ และทีวีเป็นเสาหลักเสริมของกลุ่มบริษัท จุดโฟกัสของ GMM คือการผลิต Local Content ภาษาไทย ที่ครอบคลุมหลาย generation และการขยายสู่ดิจิทัลมิวสิกและสตรีมมิงมากขึ้น ผ่านการปรับโครงสร้างธุรกิจ GMM Music ให้ทันกับยุคดิจิทัล

 

Tencent Music Entertainment (TME) และ GMM GRAMMY ต่างก็เป็นแกนกลางของอุตสาหกรรมเพลง ในประเทศของตัวเอง แต่บทบาทใน value chain และโมเดลธุรกิจต่างกันค่อนข้างชัด TME เป็น แพลตฟอร์มเพลงและออดิโอดิจิทัลแบบ pure-play เน้นออนไลน์เต็มตัว ผ่านแอป QQ Music, Kugou, Kuwo และ WeSing ที่รวมบริการฟังเพลง สตรีมมิง วิดีโอ คาราโอเกะ ไลฟ์ และคอนเสิร์ตออนไลน์ใน ecosystem เดียวกัน ทำให้กลายเป็นแพลตฟอร์มเพลงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนในเชิงผู้ใช้ (MAU) และสร้างรายได้หลักจากค่าสมาชิกโหมดพรีเมียม โฆษณา และไลฟ์สตรีม/ของขวัญเสมือน ในมุมความได้เปรียบเชิงแข่งขัน TME เด่นกว่า GMM ชัดเจนในด้าน สเกลแพลตฟอร์มดิจิทัล เทคโนโลยี (โดยเฉพาะ AI/AIGC) และการสร้างรายได้ (monetize) ในหลายรูปแบบบนออนไลน์ เช่น การใช้ AI สร้างเพลงและคอนเทนต์ไวรัล การต่อยอด long-form audio และซูเปอร์เมมเบอร์ชิป (Super VIP) รวมถึงดีลซื้อ Ximalaya เพื่อขยายคลังคอนเทนต์เสียงระยะยาว ขณะที่ GMM แข็งแกร่งในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ผลิตคอนเทนต์ไทย TME แข็งแรงกว่าในฐานะ Music-Tech Platform ระดับชาติ ที่ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลผู้ใช้ขนาดใหญ่เป็นตัวคูณพลังในการเติบโตและต่อยอดโมเดลรายได้บนโลกดิจิทัลโดยตรง

 

อนาคตและโอกาสการเติบโต

TME มองเห็นโอกาสการเติบโตในระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในจีนที่หันมาจ่ายค่าบริการเพลงลิขสิทธิ์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราผู้ใช้แบบชำระเงินของบริการเพลงออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 120 ล้านคนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 และมีแนวโน้มขยายต่อเนื่องในอนาคต บริษัทตั้งเป้าเพิ่มรายได้จาก online music services ให้เติบโตทั้งในมูลค่าและสัดส่วนต่อรายได้รวม โดยเน้นการพัฒนาโมเดลรายได้ที่ยั่งยืน เช่น ระบบสมาชิก เพลงเสียงยาว (long-form audio) และสิทธิ์การใช้งานเนื้อหา (content licensing) เพื่อเสริมความหลากหลายและความมั่นคงของรายได้ในระยะยาว

 

ในอนาคต TME ยังมีแผนต่อยอดการเติบโตผ่าน การนำนวัตกรรมเทคโนโลยี AI และ AIGC มาช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพของศิลปิน เช่น การใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เพื่อแนะนำเพลงและสร้างเนื้อหาดนตรีใหม่ การใช้ AI วิเคราะห์เสียงเพื่อปรับคุณภาพการสตรีม และการสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ศิลปินสามารถผลิตเพลงได้ง่ายขึ้น บริษัทเชื่อว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนยุคใหม่ของดนตรีดิจิทัลที่ผสมผสานการฟัง การสร้างสรรค์ และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้เข้าด้วยกันอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดทางให้ TME ขยายฐานผู้ใช้ไปสู่ตลาดและกลุ่มอุปกรณ์อัจฉริยะใหม่ๆ เช่น รถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (smart vehicle music) และอุปกรณ์ IoT ภายในบ้าน

 

ความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

หนึ่งในความเสี่ยงหลักของ TME คือ การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบและการกำกับดูแลในจีนที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในด้านแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิง เนื้อหาดิจิทัล และเทคโนโลยี AI หน่วยงานกำกับดูแล เช่น Cyberspace Administration of China (CAC) ได้ออกข้อบังคับใหม่หลายฉบับ เช่น Deep Synthesis Provisions และ AIGC Measures ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการเนื้อหาที่สร้างโดย AI ต้องรับผิดชอบต่อข้อมูลที่เผยแพร่ และต้องมีระบบควบคุมความปลอดภัยของอัลกอริทึม หากบริษัทไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎระเบียบเหล่านี้ได้ทันเวลา อาจเผชิญความเสี่ยงด้านกฎหมาย ค่าปรับ หรือการจำกัดการให้บริการบางประเภท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และชื่อเสียงของบริษัทในระยะยาว

 

อีกประเด็นสำคัญคือ ความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดและการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งจากแพลตฟอร์มสตรีมมิงอื่นๆ และแอปโซเชียลมีเดียที่ขยายเข้าสู่ตลาดเพลง บริษัทระบุว่า รายได้จากบริการโซเชียลเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (เช่น live streaming และ karaoke) เผชิญแรงกดดันจากการปรับฟังก์ชันเพื่อควบคุมความเสี่ยง การแข่งขันด้านเนื้อหา และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้ใช้ ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์และการพึ่งพาค่ายเพลงรายใหญ่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ หากไม่สามารถต่อสัญญาหรือควบคุมต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจกระทบต่อผลกำไรโดยตรง

 

 

 

สนใจลงทุนในหุ้น Tencent Music Entertainment (TME23, 1698.HK) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน

 

คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5