Keyword
Company History

Thermo Fisher Scientific (TMO) ยักษ์ใหญ่ด้านวิทยาศาสตร์ที่ปั้นกำไรทะลุ “แสนล้าน”

20 May 25 2:58 PM
Thermo Fisher (TMO)
สรุปสาระสำคัญ

Thermo Fisher Scientific (TMO) บริษัทที่คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อ แต่กลับเป็นผู้นำระดับโลกด้านเครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพที่มีมูลค่าตลาดทะลุ 7 ล้านล้านบาท เบื้องหลังการค้นคว้าทางการแพทย์ที่ปฏิวัติวงการและการพัฒนายารักษาโรคร้าย ล้วนมีเครื่องมือและเทคโนโลยีของ Thermo Fisher อยู่เบื้องหลัง หากคุณพลาดโอกาสลงทุนใน Pfizer หรือ Johnson & Johnson มาแล้ว นี่อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในอุตสาหกรรมสุขภาพที่มีศักยภาพการเติบโตสูงที่คุณไม่ควรมองข้าม

ความเป็นมาและโครงสร้างธุรกิจของ Thermo Fisher Scientific


Thermo Fisher Scientific ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 จากการควบรวมระหว่าง Thermo Electron และ Fisher Scientific ซึ่งต่างมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี Thermo Electron เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือวิเคราะห์วิทยาศาสตร์ ส่วน Fisher Scientific เด่นในด้านอุปกรณ์และสารเคมีสำหรับห้องแล็บ การรวมตัวครั้งนี้ทำให้เกิดผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ


หลังจากนั้น Thermo Fisher เติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการเข้าซื้อกิจการ เช่น Life Technologies และ Patheon ส่งผลให้บริษัทสามารถให้บริการครบวงจร ตั้งแต่งานวิจัยระดับโมเลกุลไปจนถึงการผลิตยาเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 130,000 คนในกว่า 50 ประเทศ และเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ชีวิตทั่วโลก

 


ด้านโครงสร้างรายได้ Thermo Fisher มีการกระจายรายได้จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 

  1. กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการในห้องปฏิบัติการ (Lab products and services) – 35% ของรายได้
    กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการเร่งลงทุนใน R&D วิทยาศาสตร์ชีวิต และงานวิเคราะห์ทางคลินิก ซึ่งผลักดันให้ตลาดอุปกรณ์และสารเคมีในห้อง lab เติบโต
  2. กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์ (Scientific instruments) – 15% ของรายได้
    กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตดีจากความต้องการเครื่องวิเคราะห์ขั้นสูงใน Precision Medicine และงานวิจัยระดับสูง ตลาด Scientific Instruments คาดเติบโต
  3. กลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะทางและการวินิจฉัย (Specialty products and diagnostics) – 25% ของรายได้
    กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นจากการเพิ่มขึ้นของการตรวจเชิงวินิจฉัย ทั้งในโรงพยาบาลและจุดตรวจ (POC) ตลาด Rapid & Clinical Diagnostics คาดเติบโต
  4. กลุ่มบริการวิจัยและพัฒนาตามสัญญา (CDMO) – 25% ของรายได้
    กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากแนวโน้ม outsourcing ด้านยาและชีวภาพทั่วโลก ตลาด CDMO คาดเติบโต

Picture1.png
ซึ่งความหลากหลายนี้ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Thermo Fisher ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านนวัตกรรมและการวิจัยพัฒนา จนกลายเป็นบริษัทชั้นนำที่มีรายได้รวมมากกว่า 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี และมีกำไรสุทธิสูงถึง 1.7 แสนล้านบาท นักวิเคราะห์มองว่าบริษัทมีโอกาสเติบโตอีกมากจากเทรนด์การขยายตัวของตลาดการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) การวิจัยด้านจีโนม และความต้องการเทคโนโลยีการผลิตชีวภาพ (Bioproduction) ที่เพิ่มสูงขึ้น

 

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจ


Thermo Fisher และ Danaher Corporation (DHR) ต่างอยู่ในอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพและเครื่องมือแพทย์ แต่มีแนวทางธุรกิจต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ Danaher เน้นการเติบโตผ่านการซื้อกิจการและการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยระบบบริหารแบบ "Danaher Business System" ซึ่งโดดเด่นเรื่องการเพิ่มกำไรจากกระบวนการภายใน ส่วน Thermo Fisher มุ่งสร้างความได้เปรียบผ่านการให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่งานวิจัยในห้องแล็บไปจนถึงการผลิตยาและวัคซีน ทำให้บริษัทมีโอกาสสร้างรายได้จากหลายขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า (value chain)


หากเปรียบเทียบกับบริษัทในตลาดไทย แม้จะไม่มีบริษัทที่มีธุรกิจคล้ายคลึงโดยตรง แต่ในภาพกว้างอาจเทียบได้กับบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเครื่องมือแพทย์และการให้บริการทางการแพทย์ เช่น  BDMS เป็นผู้นำตลาดโรงพยาบาลเอกชนในไทยที่เน้นการให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยโดยตรง พร้อมทั้งลงทุนในเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง เช่น ศูนย์โรคเฉพาะทางและห้องแล็บทางคลินิก เพื่อยกระดับคุณภาพการรักษา ส่วน Thermo Fisher ทำธุรกิจด้านเครื่องมือวิทยาศาสตร์และบริการวิเคราะห์สำหรับงานวิจัยและอุตสาหกรรมชีวภาพ ไม่ได้ให้บริการรักษาผู้ป่วยโดยตรง

 

 

ความท้าทายและความเสี่ยง 

แม้ Thermo Fisher จะมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีฐานลูกค้าที่หลากหลาย แต่บริษัทก็ยังเผชิญความเสี่ยงจากหลายทิศทาง หนึ่งในประเด็นสำคัญคือความผันผวนของความต้องการในธุรกิจเชิงวิจัย โดยเฉพาะในภาครัฐและสถาบันการศึกษา ที่มักได้รับผลกระทบจากการปรับงบประมาณหรือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในตลาดเทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะจากผู้เล่นรายใหม่ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เฉพาะทางด้วยราคาที่ต่ำลง ยังเป็นปัจจัยกดดันส่วนแบ่งตลาดของ Thermo Fisher ในบางเซกเมนต์ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว และการรักษา margin ให้คงที่ท่ามกลางต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายด้านแรงงานที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นประเด็นที่ผู้บริหารต้องจัดการอย่างระมัดระวัง 

 

อนาคตและโอกาสการเติบโต 

Thermo Fisher ยังคงวางกลยุทธ์เติบโตผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงและการขยายธุรกิจในตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง บริษัทมุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจร (end-to-end solutions) แก่ภาคชีวเวชภัณฑ์ (Biopharma) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วและต้องการเทคโนโลยีการวิจัยขั้นสูง ทั้งในด้านการพัฒนาโมเลกุลใหม่ การผลิตชีววัตถุ (Biologics Manufacturing) และการวินิจฉัยแม่นยำ ปัจจุบัน Thermo Fisher ยังเป็นผู้นำด้านบริการ CDMO (Contract Development and Manufacturing Organization) ที่รองรับลูกค้ารายใหญ่ทั่วโลก พร้อมเสริมความสามารถด้วย AI และเครื่องมือ digital lab ใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่ม productivity ในห้องแล็บ ความหลากหลายของฐานลูกค้าและบริการจะเป็นเกราะป้องกันความผันผวน และช่วยต่อยอดการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว 


สนใจลงทุนในหุ้น Thermo Fisher Scientific (TMO) และหุ้นเทคโนโลยีการแพทย์อื่น ๆ จากทั่วโลกได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่ให้คุณเข้าถึงการลงทุนระดับโลกได้แบบไร้ขีดจำกัด สนใจเปิดบัญชีลงทุน คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Stocks Mentioned
TMO.N
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5