Digital Assets

2 เหรียญยอดนิยม USDT และ USDC เบื้องหลังการเติบโตของ Stablecoin ที่กำลังขับเคลื่อนโลกดิจิทัล

12 Nov 25 4:01 PM
Crypto Currency
สรุปสาระสำคัญ

Stablecoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่ตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์จริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2025 ตลาด Stablecoin เติบโตอย่างก้าวกระโดด มีมูลค่ารวมทะลุ 300 พันล้านดอลลาร์ จากไม่ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์เมื่อ 5 ปีก่อน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและการใช้งานที่ขยายวงกว้าง ทั้งในภาคธุรกิจและผู้บริโภค ด้วยคุณสมบัติที่ทำให้ธุรกรรม รวดเร็ว โปร่งใส และต้นทุนต่ำกว่าระบบเดิม จึงกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลกการเงินดิจิทัล

 

ในตลาดปัจจุบัน มีเพียงสองเหรียญหลักที่ครองส่วนแบ่งรวมกว่า 90% ได้แก่ Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) ซึ่งต่างตรึงมูลค่าในอัตรา 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐ โดย USDT ครองสัดส่วนธุรกรรมสูงสุดทั่วโลก จากสภาพคล่องและการยอมรับกว้างขวาง ขณะที่ USDC เติบโตจากความโปร่งใสและมาตรฐานกำกับดูแลเข้มงวดในสหรัฐฯ ทั้งสองเหรียญจึงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในตลาด Stablecoin ทั่วโลก

Stablecoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกแบบให้มีมูลค่าคงที่ โดยมักตรึงค่าไว้กับสกุลเงินหลัก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 ตลาด Stablecoin ได้พัฒนาและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ทั้งในภาคธุรกิจและภาคผู้บริโภค การขยายตัวดังกล่าวเกิดจากความต้องการระบบการชำระเงินที่มีความ รวดเร็ว โปร่งใส และมีต้นทุนต่ำกว่า ระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิม สะท้อนให้เห็นว่า Stablecoin กำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะ โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยุคดิจิทัล

 

stable1.png

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, Artemis Report as of October 2025

 

 

การเติบโตที่น่าทึ่งของตลาด Stablecoin

 

ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนพฤศจิกายน 2025 ระบุว่า มูลค่ารวมของ Stablecoin ทั่วโลกพุ่งแตะกว่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อ 5 ปีก่อน สะท้อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านธุรกรรมและจำนวน

 

Screenshot-2025-11-12-161032.png

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, DeFillama as of 11th November 2025

 

 

 

 

การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ไม่เพียงสะท้อนความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเสถียรภาพ แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดคริปโท โดย Stablecoin ทำหน้าที่เป็น สะพานเชื่อมระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับโลกบล็อกเชน ทำให้ธุรกรรมมีความรวดเร็ว โปร่งใส และต้นทุนต่ำ

 

เดิมที Stablecoin ถูกใช้ในหมู่นักเทรดเพื่อโยกย้ายสภาพคล่องระหว่างแพลตฟอร์ม แต่ปัจจุบันได้ขยายสู่การใช้งานจริงในภาคธุรกิจและผู้บริโภค บริษัทชำระเงินระดับโลกอย่าง Visa, Mastercard และ Stripe ต่างเริ่มผนวก Stablecoin เข้าสู่ระบบของตน

 

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ ของเศรษฐกิจโลก ที่หนุนให้สภาพคล่องในตลาดคริปโทแข็งแรงขึ้น การเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลง่ายขึ้น และเปิดทางสู่การยอมรับในระดับสถาบันอย่างยั่งยืน

 

 

 

2 Stablecoin ชั้นนำที่ครองตลาด

 

ในตลาด Stablecoin ที่มีมูลค่าการหมุนเวียนกว่า 300 พันล้านดอลลาร์ ( ณ เดือนพฤศจิกายน 2025 )  มีเพียงสองเหรียญหลักที่ครองส่วนแบ่งรวมกันกว่า 90% ได้แก่ Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) โดย USDT ถือเป็นเหรียญที่ครองสัดส่วนธุรกรรมมากที่สุดในตลาดโลก (แถบสีเขียวในกราฟ) เนื่องจากได้รับการยอมรับสูงและมีสภาพคล่องในตลาดคริปโต ขณะที่ USDC (แถบสีน้ำเงิน) เติบโตอย่างต่อเนื่องจากความโปร่งใสและการกำกับดูแลเข้มงวดในสหรัฐฯ ส่งผลให้ทั้งสองเหรียญกลายเป็นโครงสร้างหลักของระบบการชำระเงินในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลยุคใหม่.

 

ทั้งสองเหรียญต่างมีการตรึงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 สามารถใช้งานได้หลายบล็อกเชน และได้รับการค้ำประกันด้วยสินทรัพย์สำรอง

 

Picture3.png

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, Artemis Report as of October 2025

 

 

1. USDT (Tether): ผู้นำตลาด Stablecoin

 

ประวัติและพัฒนาการ

 

Tether (USDT) คือคริปโทเคอร์เรนซีประเภท Stablecoin ที่มีการตรึงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 โดยออกแบบมาเพื่อลดความผันผวนของราคาในตลาดคริปโทและเพิ่มความเสถียรในการทำธุรกรรมดิจิทัล ปัจจุบัน USDT เป็น Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มีมูลค่าตลาดสูงสุดในกลุ่มสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน

Tether เริ่มต้นในปี 2014 ภายใต้ชื่อ “Realcoin” โดยผู้ร่วมก่อตั้ง Brock Pierce, Reeve Collins และ Craig Sellars ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “Tether” ในเวลาต่อมา เดิมที Tether ทำงาน ผ่านโปรโตคอล Omni Layer แต่ได้ขยายไปยังบล็อกเชนอื่น ๆ เช่น Ethereum, Tron, Solana, BNB Chain, Avalanche เพื่อรองรับการใช้งานที่กว้างขึ้นทั้งในตลาด DeFi และตลาดทุนดิจิทัลทั่วโลก

 

 

กลไกการทำงาน

 

Tether รักษาเสถียรภาพของมูลค่าเหรียญไว้ที่อัตรา 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐฯ หมายความว่า ทุกเหรียญ USDT ที่หมุนเวียนในระบบได้รับการค้ำประกันด้วยสินทรัพย์สำรองในมูลค่าที่เท่ากันทุกหน่วย เพื่อให้มั่นใจว่าเหรียญแต่ละเหรียญสามารถแลกกลับเป็นเงินดอลลาร์ได้จริง

 

สินทรัพย์สำรองของ Tether ประกอบด้วย เงินตราในระบบการเงินดั้งเดิม (Traditional Currency), ตราสารที่มีสภาพคล่องสูงหรือเทียบเท่าเงินสด (Cash Equivalents) และสินทรัพย์อื่นที่มีมูลค่าคงที่ กลไกนี้ทำให้ Tether สามารถรักษาเสถียรภาพของราคาได้แม้ในภาวะที่ตลาดคริปโทมีความผันผวนสูง

 

Tether ยืนยันความโปร่งใสด้วยการเปิดเผยรายงานเงินสำรองรายเดือน พร้อมตรวจสอบโดยบริษัทบัญชีอิสระ BDO Italia ซึ่งรายงานล่าสุดชี้ว่า Tether ถือสินทรัพย์รวม $181.22 พันล้าน มากกว่าหนี้สินรวม $174.45 พันล้าน ทำให้มีส่วนสำรองส่วนเกินกว่า $6.78 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์สำรองส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (80.33%), Overnight Reverse Repurchase Agreements (12.86%), Term Reverse Repurchase Agreements (2.18%%), และ กองทุนตลาดเงิน (4.58%) ขณะที่เงินฝากธนาคารและพันธบัตรนอกสหรัฐมีเพียงสัดส่วนน้อย (0.05%)

 

Picture5.png

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, Tether as of 11 November 2025

 

ความเสี่ยงที่ควรพิจารณา

แม้ว่า Stablecoin อย่าง USDT จะถูกออกแบบมาให้มีความเสถียร แต่ก็มีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรตระหนัก ได้แก่

 

ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk): เนื่องจาก Stablecoin ส่วนใหญ่อิงกับดอลลาร์สหรัฐ ผู้ใช้ที่ทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินอื่นจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์

 

ความเสี่ยงจากการ Depeg: แม้ USDT จะไม่ใช่ Algorithmic Stablecoin แต่ก็ยังสามารถหลุดจากการตรึงมูลค่าได้หากสินทรัพย์สำรองไม่เพียงพอหรือเกิดการสูญเสียความเชื่อมั่นในผู้ออก

 

 

 

2. USDC (USD Coin)

 

ประวัติและพัฒนาการ

 

USDC (USD Coin) คือเหรียญ Stablecoin ที่มีการค้ำประกันด้วย ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ในอัตรา 1:1 หมายความว่า 1 USDC มีมูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์เสมอ โดยมีความโปร่งใสสูงผ่านการตรวจสอบจาก BlackRock ซึ่งบริหารสินทรัพย์สำรองในรูปเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุสั้น ส่วนที่เหลือจัดเก็บในธนาคารขนาดใหญ่ระดับโลกที่มีมาตรฐานด้านเงินทุนและสภาพคล่องเข้มงวด โครงสร้างนี้ช่วยให้ USDC มีสภาพคล่องสูง รักษามูลค่าเทียบเท่าดอลลาร์ได้แม้ในภาวะตลาดผันผวน จึงเป็นหนึ่งใน Stablecoin ที่มีเสถียรภาพและได้รับการยอมรับมากที่สุดในระบบการเงินดิจิทัล

USDC ถูกพัฒนาโดย Centre Consortium ความร่วมมือระหว่าง Circle บริษัทฟินเทคจากสหรัฐฯ และ Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทระดับโลก ซึ่งร่วมกันผลักดันให้ USDC กลายเป็น Stablecoin ที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือในระดับสากล.

 

กลไกการทำงาน

 

USDC ได้รับการค้ำประกันเต็มมูลค่าและแลกคืนได้ในอัตรา 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีสินทรัพย์สำรองที่มีสภาพคล่องและความมั่นคงสูง ส่วนใหญ่ถูกจัดเก็บใน Circle Reserve Fund (USDXX) ซึ่งเป็นกองทุนตลาดเงินรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การกำกับของ SEC (ประเภท 2a-7) ที่ลงทุน เช่น :

  • พันธบัตรรัฐบาลอายุสั้น ประมาณ 80%
  • เงินฝากใธนาคารสหรัฐฯ ประมาณ 20%

 

Picture6.png

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, Circle as of 11 November 2025

 

โดยกองทุนมีการรายงานข้อมูลแบบโปร่งใสสูง โดยสินทรัพย์สำรองถูกเก็บไว้กับ The Bank of New York Mellon และบริหารโดย BlackRock โครงสร้างดังกล่าวช่วยให้ผู้ถือ USDC เข้าถึงสภาพคล่องได้ทันทีแม้ในภาวะตลาดผันผวน ทำให้ USDC เป็นหนึ่งใน Stablecoin ที่มีเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในระบบการเงินดิจิทัล

 

 

จุดเด่นของ USDC

 

ความโปร่งใสสูง: USDC ได้รับการตรวจสอบโดยบริษัทสอบบัญชีอิสระเพื่อยืนยันว่าได้รับการค้ำประกันเต็มมูลค่าด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐที่ฝากไว้ในธนาคาร ต่างจาก USDT ที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความโปร่งใสและความสามารถในการพิสูจน์สินทรัพย์สำรอง

 

การกำกับดูแล: การดำเนินงานภายใต้กรอบการกำกับดูแลของ SEC และการรายงานผ่าน BlackRock สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบันและผู้ใช้งานทั่วไป

 

สภาพคล่องสูง: โครงสร้างสินทรัพย์สำรองที่เน้นเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้น ทำให้สามารถรับมือกับการแลกคืนจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

ความเสี่ยงที่ควรพิจารณาของ USDC
แม้ USDC จะได้รับการยอมรับในฐานะ Stablecoin ที่มีความโปร่งใสและมีเสถียรภาพสูง แต่ยังมีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ได้แก่

 

ความเสี่ยงด้านตลาด: ราคาของ USDC อาจผันผวนในบางแพลตฟอร์ม เนื่องจากกลไกอุปสงค์-อุปทานและสภาพคล่องของคู่สกุลเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดคริปโทมีความตึงตัวหรือเกิดแรงเทขายสูง

 

ความเสี่ยงจากบุคคลที่สาม: การใช้ USDC ผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนหรือตัวกลางอื่นที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ Circle อาจเผชิญปัญหาระบบล่ม การแฮ็ก หรือการจัดการสินทรัพย์ที่ไม่โปร่งใส

 

ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: แม้ USDC จะอยู่ภายใต้กรอบกำกับดูแลในสหรัฐฯ แต่กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลอาจมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งอาจส่งผลต่อการออก การแลกคืน หรือการใช้งานในบางประเทศในอนาคต

 

 

USDT vs USDC: ความแตกต่างที่สำคัญ

แม้ทั้งสองจะเป็น Stablecoin ที่อิงค่ากับดอลลาร์ แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ:

  1. ผู้ออก: USDT ออกโดย Tether Limited ส่วน USDC ออกโดย Centre Consortium ได้ถูกยุบในปี 2023 และ Circle เป็นผู้ออก USDC แต่เพียงผู้เดียวในปัจจุบัน โดย Coinbase ถือหุ้นใน Circle
  2. สินทรัพย์ค้ำประกัน: USDT อ้างว่าได้รับการค้ำประกันเต็มมูลค่าด้วยสินทรัพย์สำรองที่หลากหลาย รวมถึงเงินตราดั้งเดิม ขณะที่ USDC ค้ำประกันด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐที่ฝากในธนาคารและพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้น
  3. ความโปร่งใส: USDC มีระดับความโปร่งใสสูง โดยสินทรัพย์สำรองถูกเก็บไว้กับ The Bank of New York Mellon และบริหารโดย BlackRock พร้อมมีการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอิสระเป็นประจำ
    ส่วน USDT แม้เคยถูกวิจารณ์เรื่องการเปิดเผยข้อมูลไม่เพียงพอ แต่ปัจจุบันได้ปรับปรุงด้วยการเปิดเผย รายงานเงินสำรองรายเดือน และมีการตรวจสอบโดยบริษัทบัญชีอิสระ BDO Italia

 

สำหรับนักลงทุนและผู้ใช้งาน การเลือกใช้ Stablecoin ควรพิจารณาถึงปัจจัยหลายประการ รวมถึงความโปร่งใส ความมั่นคงของสินทรัพย์สำรอง และวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ทั้ง USDT และ USDC มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองต่างมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน Stablecoin จากโลกคริปโทสู่เศรษฐกิจจริงอย่างแท้จริง

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5