
Stablecoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่ตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์จริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2025 ตลาด Stablecoin เติบโตอย่างก้าวกระโดด มีมูลค่ารวมทะลุ 300 พันล้านดอลลาร์ จากไม่ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์เมื่อ 5 ปีก่อน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและการใช้งานที่ขยายวงกว้าง ทั้งในภาคธุรกิจและผู้บริโภค ด้วยคุณสมบัติที่ทำให้ธุรกรรม รวดเร็ว โปร่งใส และต้นทุนต่ำกว่าระบบเดิม จึงกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลกการเงินดิจิทัล
ในตลาดปัจจุบัน มีเพียงสองเหรียญหลักที่ครองส่วนแบ่งรวมกว่า 90% ได้แก่ Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) ซึ่งต่างตรึงมูลค่าในอัตรา 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐ โดย USDT ครองสัดส่วนธุรกรรมสูงสุดทั่วโลก จากสภาพคล่องและการยอมรับกว้างขวาง ขณะที่ USDC เติบโตจากความโปร่งใสและมาตรฐานกำกับดูแลเข้มงวดในสหรัฐฯ ทั้งสองเหรียญจึงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในตลาด Stablecoin ทั่วโลก
Stablecoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกแบบให้มีมูลค่าคงที่ โดยมักตรึงค่าไว้กับสกุลเงินหลัก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 ตลาด Stablecoin ได้พัฒนาและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ทั้งในภาคธุรกิจและภาคผู้บริโภค การขยายตัวดังกล่าวเกิดจากความต้องการระบบการชำระเงินที่มีความ รวดเร็ว โปร่งใส และมีต้นทุนต่ำกว่า ระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิม สะท้อนให้เห็นว่า Stablecoin กำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะ โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยุคดิจิทัล

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, Artemis Report as of October 2025
การเติบโตที่น่าทึ่งของตลาด Stablecoin
ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนพฤศจิกายน 2025 ระบุว่า มูลค่ารวมของ Stablecoin ทั่วโลกพุ่งแตะกว่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อ 5 ปีก่อน สะท้อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านธุรกรรมและจำนวน

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, DeFillama as of 11th November 2025
การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ไม่เพียงสะท้อนความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเสถียรภาพ แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดคริปโท โดย Stablecoin ทำหน้าที่เป็น สะพานเชื่อมระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับโลกบล็อกเชน ทำให้ธุรกรรมมีความรวดเร็ว โปร่งใส และต้นทุนต่ำ
เดิมที Stablecoin ถูกใช้ในหมู่นักเทรดเพื่อโยกย้ายสภาพคล่องระหว่างแพลตฟอร์ม แต่ปัจจุบันได้ขยายสู่การใช้งานจริงในภาคธุรกิจและผู้บริโภค บริษัทชำระเงินระดับโลกอย่าง Visa, Mastercard และ Stripe ต่างเริ่มผนวก Stablecoin เข้าสู่ระบบของตน
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ ของเศรษฐกิจโลก ที่หนุนให้สภาพคล่องในตลาดคริปโทแข็งแรงขึ้น การเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลง่ายขึ้น และเปิดทางสู่การยอมรับในระดับสถาบันอย่างยั่งยืน
2 Stablecoin ชั้นนำที่ครองตลาด
ในตลาด Stablecoin ที่มีมูลค่าการหมุนเวียนกว่า 300 พันล้านดอลลาร์ ( ณ เดือนพฤศจิกายน 2025 ) มีเพียงสองเหรียญหลักที่ครองส่วนแบ่งรวมกันกว่า 90% ได้แก่ Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) โดย USDT ถือเป็นเหรียญที่ครองสัดส่วนธุรกรรมมากที่สุดในตลาดโลก (แถบสีเขียวในกราฟ) เนื่องจากได้รับการยอมรับสูงและมีสภาพคล่องในตลาดคริปโต ขณะที่ USDC (แถบสีน้ำเงิน) เติบโตอย่างต่อเนื่องจากความโปร่งใสและการกำกับดูแลเข้มงวดในสหรัฐฯ ส่งผลให้ทั้งสองเหรียญกลายเป็นโครงสร้างหลักของระบบการชำระเงินในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลยุคใหม่.
ทั้งสองเหรียญต่างมีการตรึงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 สามารถใช้งานได้หลายบล็อกเชน และได้รับการค้ำประกันด้วยสินทรัพย์สำรอง

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, Artemis Report as of October 2025
1. USDT (Tether): ผู้นำตลาด Stablecoin
ประวัติและพัฒนาการ
Tether (USDT) คือคริปโทเคอร์เรนซีประเภท Stablecoin ที่มีการตรึงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 โดยออกแบบมาเพื่อลดความผันผวนของราคาในตลาดคริปโทและเพิ่มความเสถียรในการทำธุรกรรมดิจิทัล ปัจจุบัน USDT เป็น Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มีมูลค่าตลาดสูงสุดในกลุ่มสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน
Tether เริ่มต้นในปี 2014 ภายใต้ชื่อ “Realcoin” โดยผู้ร่วมก่อตั้ง Brock Pierce, Reeve Collins และ Craig Sellars ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “Tether” ในเวลาต่อมา เดิมที Tether ทำงาน ผ่านโปรโตคอล Omni Layer แต่ได้ขยายไปยังบล็อกเชนอื่น ๆ เช่น Ethereum, Tron, Solana, BNB Chain, Avalanche เพื่อรองรับการใช้งานที่กว้างขึ้นทั้งในตลาด DeFi และตลาดทุนดิจิทัลทั่วโลก
กลไกการทำงาน
Tether รักษาเสถียรภาพของมูลค่าเหรียญไว้ที่อัตรา 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐฯ หมายความว่า ทุกเหรียญ USDT ที่หมุนเวียนในระบบได้รับการค้ำประกันด้วยสินทรัพย์สำรองในมูลค่าที่เท่ากันทุกหน่วย เพื่อให้มั่นใจว่าเหรียญแต่ละเหรียญสามารถแลกกลับเป็นเงินดอลลาร์ได้จริง
สินทรัพย์สำรองของ Tether ประกอบด้วย เงินตราในระบบการเงินดั้งเดิม (Traditional Currency), ตราสารที่มีสภาพคล่องสูงหรือเทียบเท่าเงินสด (Cash Equivalents) และสินทรัพย์อื่นที่มีมูลค่าคงที่ กลไกนี้ทำให้ Tether สามารถรักษาเสถียรภาพของราคาได้แม้ในภาวะที่ตลาดคริปโทมีความผันผวนสูง
Tether ยืนยันความโปร่งใสด้วยการเปิดเผยรายงานเงินสำรองรายเดือน พร้อมตรวจสอบโดยบริษัทบัญชีอิสระ BDO Italia ซึ่งรายงานล่าสุดชี้ว่า Tether ถือสินทรัพย์รวม $181.22 พันล้าน มากกว่าหนี้สินรวม $174.45 พันล้าน ทำให้มีส่วนสำรองส่วนเกินกว่า $6.78 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์สำรองส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (80.33%), Overnight Reverse Repurchase Agreements (12.86%), Term Reverse Repurchase Agreements (2.18%%), และ กองทุนตลาดเงิน (4.58%) ขณะที่เงินฝากธนาคารและพันธบัตรนอกสหรัฐมีเพียงสัดส่วนน้อย (0.05%)

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, Tether as of 11 November 2025
ความเสี่ยงที่ควรพิจารณา
แม้ว่า Stablecoin อย่าง USDT จะถูกออกแบบมาให้มีความเสถียร แต่ก็มีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรตระหนัก ได้แก่
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk): เนื่องจาก Stablecoin ส่วนใหญ่อิงกับดอลลาร์สหรัฐ ผู้ใช้ที่ทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินอื่นจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์
ความเสี่ยงจากการ Depeg: แม้ USDT จะไม่ใช่ Algorithmic Stablecoin แต่ก็ยังสามารถหลุดจากการตรึงมูลค่าได้หากสินทรัพย์สำรองไม่เพียงพอหรือเกิดการสูญเสียความเชื่อมั่นในผู้ออก
2. USDC (USD Coin)
ประวัติและพัฒนาการ
USDC (USD Coin) คือเหรียญ Stablecoin ที่มีการค้ำประกันด้วย ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ในอัตรา 1:1 หมายความว่า 1 USDC มีมูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์เสมอ โดยมีความโปร่งใสสูงผ่านการตรวจสอบจาก BlackRock ซึ่งบริหารสินทรัพย์สำรองในรูปเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุสั้น ส่วนที่เหลือจัดเก็บในธนาคารขนาดใหญ่ระดับโลกที่มีมาตรฐานด้านเงินทุนและสภาพคล่องเข้มงวด โครงสร้างนี้ช่วยให้ USDC มีสภาพคล่องสูง รักษามูลค่าเทียบเท่าดอลลาร์ได้แม้ในภาวะตลาดผันผวน จึงเป็นหนึ่งใน Stablecoin ที่มีเสถียรภาพและได้รับการยอมรับมากที่สุดในระบบการเงินดิจิทัล
USDC ถูกพัฒนาโดย Centre Consortium ความร่วมมือระหว่าง Circle บริษัทฟินเทคจากสหรัฐฯ และ Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทระดับโลก ซึ่งร่วมกันผลักดันให้ USDC กลายเป็น Stablecoin ที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือในระดับสากล.
กลไกการทำงาน
USDC ได้รับการค้ำประกันเต็มมูลค่าและแลกคืนได้ในอัตรา 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีสินทรัพย์สำรองที่มีสภาพคล่องและความมั่นคงสูง ส่วนใหญ่ถูกจัดเก็บใน Circle Reserve Fund (USDXX) ซึ่งเป็นกองทุนตลาดเงินรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การกำกับของ SEC (ประเภท 2a-7) ที่ลงทุน เช่น :

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, Circle as of 11 November 2025
โดยกองทุนมีการรายงานข้อมูลแบบโปร่งใสสูง โดยสินทรัพย์สำรองถูกเก็บไว้กับ The Bank of New York Mellon และบริหารโดย BlackRock โครงสร้างดังกล่าวช่วยให้ผู้ถือ USDC เข้าถึงสภาพคล่องได้ทันทีแม้ในภาวะตลาดผันผวน ทำให้ USDC เป็นหนึ่งใน Stablecoin ที่มีเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในระบบการเงินดิจิทัล
จุดเด่นของ USDC
ความโปร่งใสสูง: USDC ได้รับการตรวจสอบโดยบริษัทสอบบัญชีอิสระเพื่อยืนยันว่าได้รับการค้ำประกันเต็มมูลค่าด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐที่ฝากไว้ในธนาคาร ต่างจาก USDT ที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความโปร่งใสและความสามารถในการพิสูจน์สินทรัพย์สำรอง
การกำกับดูแล: การดำเนินงานภายใต้กรอบการกำกับดูแลของ SEC และการรายงานผ่าน BlackRock สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบันและผู้ใช้งานทั่วไป
สภาพคล่องสูง: โครงสร้างสินทรัพย์สำรองที่เน้นเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้น ทำให้สามารถรับมือกับการแลกคืนจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความเสี่ยงที่ควรพิจารณาของ USDC
แม้ USDC จะได้รับการยอมรับในฐานะ Stablecoin ที่มีความโปร่งใสและมีเสถียรภาพสูง แต่ยังมีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ได้แก่
ความเสี่ยงด้านตลาด: ราคาของ USDC อาจผันผวนในบางแพลตฟอร์ม เนื่องจากกลไกอุปสงค์-อุปทานและสภาพคล่องของคู่สกุลเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดคริปโทมีความตึงตัวหรือเกิดแรงเทขายสูง
ความเสี่ยงจากบุคคลที่สาม: การใช้ USDC ผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนหรือตัวกลางอื่นที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ Circle อาจเผชิญปัญหาระบบล่ม การแฮ็ก หรือการจัดการสินทรัพย์ที่ไม่โปร่งใส
ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: แม้ USDC จะอยู่ภายใต้กรอบกำกับดูแลในสหรัฐฯ แต่กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลอาจมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งอาจส่งผลต่อการออก การแลกคืน หรือการใช้งานในบางประเทศในอนาคต
USDT vs USDC: ความแตกต่างที่สำคัญ
แม้ทั้งสองจะเป็น Stablecoin ที่อิงค่ากับดอลลาร์ แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ:
สำหรับนักลงทุนและผู้ใช้งาน การเลือกใช้ Stablecoin ควรพิจารณาถึงปัจจัยหลายประการ รวมถึงความโปร่งใส ความมั่นคงของสินทรัพย์สำรอง และวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ทั้ง USDT และ USDC มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองต่างมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน Stablecoin จากโลกคริปโทสู่เศรษฐกิจจริงอย่างแท้จริง
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้