Keyword
Mutual Funds

มือใหม่อยากลงทุนหุ้นจีน แต่ไม่รู้ว่ามีกองทุนหุ้นจีนแบบไหนบ้าง เริ่มยังไงดี?

29 Jul 25 4:53 PM
China Flag

กองทุนหุ้นจีนที่ขายในไทยมีหลายแบบมาก วันนี้เรามาแยกหมวดให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนเลือกลงทุนกันครับ

 

3 กลุ่มหลักของกองทุนหุ้นจีน

  1. A-Shares: หุ้นจีนในตลาดเซี่ยงไฮ้-เซินเจิ้น
  2. H-Shares: หุ้นจีนที่ซื้อขายในฮ่องกง
  3. All-Shares: ผสมทั้ง A-Shares, H-Shares และ ADRs ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ เช่น Alibaba, PDD, JD.com

 

แต่ละกลุ่มยังแยกออกเป็น 2 กลยุทธ์หลัก

  • Active Management: ผู้จัดการกองทุนคัดหุ้นที่ดีที่สุดด้วยตัวเอง
  • Passive Management: ลงทุนตามดัชนี เช่น CSI 300, HSCEI, MSCI China

 

วิธีการลงทุนของกองทุนในไทย

นอกจากการแบ่งหุ้นเป็น A, H, All-Shares แล้ว วิธีที่กองทุนในไทยนำเงินไปลงทุนยังแบ่งออกเป็น:

  1. Feeder Fund:
    • นำเงินไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศโดยตรง เช่น ลงกองจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง สิงคโปร์ หรือสหรัฐฯ
  2. Direct Investment:
    • ทีมลงทุนของไทยลงทุนเองตรงในตลาดหุ้นจีน เลือกหุ้นเอง
  3. Fund of Funds (FoF):
    • กระจายลงทุนในหลายกองทุนต่างประเทศพร้อมกัน เช่น ผสมกอง A-Shares, H-Shares, Thematic Fund รวมไว้ในกองเดียว

 

🔍 FX Hedging Policy ต้องดูอะไร?

  • กองทุนไทยหลายกอง “Feed” ไปลงกองทุนหลักที่เป็นสกุลต่างประเทศ เช่น
    • USD, HKD, RMB
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (FX Hedging) บางกองมี/ไม่มี และ ป้องกันบนคู่เงินต่างกัน เช่น
    • USDTHB
    • HKDTHB
    • RMBTHB
      นักลงทุนควรเช็กเสมอ เพราะผลตอบแทนจริงๆ อาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินด้วย

 

แต่ละกลยุทธ์ยังแบ่งย่อยได้อีก

นอกจาก Active / Passive ยังมีสไตล์การลงทุนที่หลากหลาย:

  • Tech Passive: ลงหุ้นเทคจีนตามดัชนี เช่น Hang Seng Tech Index
  • Tech Active: ผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นเทคที่โดดเด่นเอง
  • Theme Active: เน้นธีมเฉพาะเช่น EV, Healthcare, Green Energy
  • Low Volatility Active: เลือกหุ้นจีนที่ผันผวนต่ำ เหมาะกับคนรับความเสี่ยงไม่เยอะ
  • Small/Mid Cap Active: เน้นหุ้นจีนขนาดเล็ก-กลาง ที่โตไวแต่ความเสี่ยงสูงกว่า
  • Greater China: ไม่ได้ลงทุนแค่จีนแผ่นดินใหญ่ แต่รวมไต้หวัน ฮ่องกงด้วย เช่น TSMC, AIA

 

ประเภท

หุ้นจีนที่ลงทุน

กลยุทธ์

สไตล์ย่อย

วิธีลงทุน

FX Hedging Policy

A-Shares

จีนแผ่นดินใหญ่

Active / Passive

General, Low Vol, Theme

Feeder, Direct, FoF

USDTHB / RMBTHB

H-Shares

ฮ่องกง

Active / Passive

Tech, Theme

Feeder, Direct, FoF

HKDTHB

All-Shares

A + H + ADRs

Active / Passive

Greater China, Theme, Tech, Small-Mid Cap

Feeder, Direct, FoF

USDTHB / HKDTHB

 

👉 โดย Lists ของแต่ละกลุ่มมาให้ว่า มี “กองทุนหุ้นจีน” ตัวไหนในไทยบ้างที่อยู่ในแต่ละหมวด สามารถดูได้ตามรูป

China-funds-(1).jpg

3 กลุ่มนี้ มีรายละเอียดแต่ละกลุ่มอย่างไรมาดูกัน 👇

 

1) กองทุนหุ้นจีน A-Shares

ลงทุนในหุ้นจีนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น
โดยหุ้นกลุ่มนี้จะเน้นบริษัทจีนท้องถิ่นที่ขายสินค้า-บริการให้คนจีนเอง เช่น เทคโนโลยีในประเทศ การบริโภค สุขภาพ

กลยุทธ์ย่อย:

  • Active Management:
    ผู้จัดการกองทุนคัดหุ้น A-Shares ตัวเด็ดๆ เอง วิเคราะห์เจาะลึก เช่น หุ้นเทคฯ สุขภาพที่โตในจีน
  • Passive Management:
    ลงทุนตามดัชนีหุ้น A-Shares เช่น CSI 300 Index หรือ SSE 50 Index ไม่ต้องเลือกหุ้นเอง

🎯 เหมาะกับคนที่เชื่อว่า “จีนโตในประเทศตัวเอง” และต้องการโอกาสจากตลาดแผ่นดินใหญ่โดยตรง

 

2) กองทุนหุ้นจีน H-Shares

ลงทุนในหุ้นจีนที่ไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดฮ่องกง
เช่น Tencent, Alibaba, Meituan หุ้นเหล่านี้แม้จะเป็นบริษัทจีน แต่เข้าถึงนักลงทุนต่างชาติได้ง่ายขึ้นเพราะซื้อขายเป็นสกุลเงิน HKD

กลยุทธ์ย่อย:

  • Active Management:
    ผู้จัดการกองทุนเลือก H-Shares ที่เด่นที่สุด คัดหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง เช่น กลุ่ม Internet Platform
  • Passive Management:
    ลงทุนตามดัชนี H-Shares เช่น Hang Seng China Enterprises Index (HSCEI)

🎯 เหมาะกับคนที่อยากลงทุนบริษัทจีนที่เข้าถึงต่างชาติได้ง่าย และหุ้นมีสภาพคล่องสูง

 

3) กองทุนหุ้นจีน All-Shares

ลงทุนแบบผสมทั้ง A-Shares + H-Shares + ADRs (หุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ)
ทำให้ได้ exposure ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และหุ้นจีนที่จดใน Nasdaq / NYSE อย่างเช่น Alibaba, JD.com, PDD

กลยุทธ์ย่อย:

  • Active Management:
    ผู้จัดการกองทุนคัดสรรหุ้นจีนจากทุกตลาดทั่วโลก เลือกทั้งใน A, H และ ADRs เพื่อสร้างผลตอบแทนดีที่สุด
  • Passive Management:
    ลงทุนตามดัชนีจีนขนาดใหญ่ เช่น MSCI China All Shares หรือ CSI 300 + H-Share Index รวมกัน

🎯 เหมาะกับคนที่อยากลงทุน “หุ้นจีนครบทั้งโลก” ในพอร์ตเดียว ไม่ต้องเลือกว่าจะเน้นจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง หรือ ADRs ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5