Keyword
Mutual Funds

[Fund Category] มือใหม่อยากลงทุนหุ้นยุโรป แต่ไม่รู้ว่ามีกองทุนหุ้นยุโรปแบบไหนบ้าง เริ่มยังไงดี?

15 Aug 25 1:34 PM
Europe Flag 1

กองทุนหุ้นยุโรปที่ขายในไทยมีหลายแบบมาก วันนี้เรามาแยกหมวดให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนเลือกลงทุนกันครับ

✅ 2 กลยุทธ์หลักกลุ่มกองทุน

  • Active Management: กองทุนที่ผู้จัดการกองทุนจะคอยเลือกหุ้นหรือหลักทรัพย์มาลงทุนด้วยตัวเอง โดยมีเป้าหมายให้ผลตอบแทนชนะดัชนีอ้างอิง เหมือนมีเชฟมืออาชีพคอยเลือกซื้อวัตถุดิบที่ดีที่สุดมาปรุงอาหารให้เรา ทำให้ค่าธรรมเนียมการจัดการค่อนข้างสูงเพราะต้องจ่ายค่าแรงให้ผู้จัดการที่ต้องวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนอยู่ตลอดเวลา ผลตอบแทนอาจสูงหรือต่ำกว่าดัชนีได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้จัดการกองทุน

    • กลุ่ม Feeder Fund: กองทุนที่เอาเงินของผู้ลงทุนไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ (Master Fund) เหมือนเป็นตัวกลางที่ช่วยเราลงทุนในต่างประเทศโดยไม่ต้องเปิดบัญชีที่นั่นเอง ข้อดีคือได้เข้าถึงตลาดและผู้จัดการกองทุนระดับโลกที่มีชื่อเสียง แต่ข้อเสียคือจะมีค่าธรรมเนียมซ้อนทับกัน 2 ชั้น คือค่าธรรมเนียมของ Feeder Fund ในประเทศไทย บวกกับค่าธรรมเนียมของ Master Fund ในต่างประเทศ

    • กลุ่ม Direct Investment / FoF: Direct Invest คือกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนเลือกซื้อหุ้นโดยตรง ส่วน Fund of Funds คือกองทุนที่ไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนอื่นๆ หลายกองทุนมารวมกัน เหมือนการซื้อตะกร้าผลไม้ที่มีหลายชนิดรวมอยู่ใน 1 ตะกร้า ข้อดีของ Fund of Funds คือได้ความหลากหลายและกระจายความเสี่ยงมากขึ้น เพราะได้ผลงานของหลายผู้จัดการกองทุน แต่ค่าธรรมเนียมจะสูงกว่า Direct Invest เพราะมีการเรียกเก็บซ้อนกัน

    • กลุ่ม Theme: กองทุนที่ลงทุนตามธีมหรือเทรนด์เฉพาะ เช่น กองทุนเทคโนโลยี กองทุนสุขภาพ กองทุนพลังงานทดแทน กองทุนกลุ่มประชากรสูงอายุ หรือกองทุน ESG เหมือนการเลือกลงทุนเฉพาะในร้านอาหารประเภทเดียวกัน ข้อดีคือถ้าธีมนั้นได้รับความนิยม ผลตอบแทนอาจสูงมาก แต่ความเสี่ยงก็สูงตามเพราะไม่มีการกระจายการลงทุนไปในหลากหลายอุตสาหกรรม

    • กลุ่ม Small/Mid Cap: กองทุนที่เลือกลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดเล็กและกลาง (Small และ Mid Capitalization) แทนที่จะลงทุนในหุ้นบริษัทใหญ่ เหมือนการเลือกเดิมพันกับ SME ที่มีโอกาสเติบโตสูงแทนการลงทุนกับบริษัทขนาดใหญ่ที่เติบโตช้าแต่มั่นคง ข้อดีคือหุ้น Small/Mid Cap มีโอกาสเติบโตได้เร็วกว่าหุ้นใหญ่ แต่ความเสี่ยงและความผันผวนของราคาก็สูงกว่า เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง


  • Passive Management: กองทุนที่ลงทุนตามดัชนีหุ้นโดยไม่มีการคัดเลือกหุ้น เหมือนการสั่งเซ็ตอาหารที่มีเมนูตายตัวแล้ว ผู้จัดการกองทุนจะซื้อหุ้นทุกตัวในดัชนีตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ เป้าหมายคือให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ค่าธรรมเนียมจึงต่ำกว่า Active Fund มาก เพราะไม่ต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์และเปลี่ยนแปลงพอร์ตการลงทุนบ่อยๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเรียบง่ายและต้นทุนต่ำ

    • กลุ่มอ้างอิงดัชนี STOXX600: กลุ่มกองทุนที่อ้างอิงดัชนี STOXX600 ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยดับริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 600 บริษัทในยุโรปพัฒนาแล้ว โดยจัดอันดับตามมูลค่าตลาดหุ้นที่เทรดได้จริง (free-float market capitalization) จาก 17 ประเทศในยุโรป เช่น สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, สเปน ฯลฯ และครอบคลุม 11 กลุ่มอุตสาหกรรม

    • กลุ่มอ้างอิงดัชนี STOXX50: กลุ่มกองทุนที่อ้างอิงดัชนี STOXX50 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นที่คัดเลือกเฉพาะหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 50 บริษัทในยูโรโซน โดยเน้นบริษัทที่มีสภาพคล่องสูงและมูลค่าตลาดมาก กองทุน Passive Fund ที่อิงดัชนีนี้จะลงทุนเฉพาะในหุ้น Blue Chip ของยุโรป ข้อดีคือได้ลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงสูง มีสภาพคล่องดี และเป็น Blue Chip ที่น่าเชื่อถือ แต่ความหลากหลายจะน้อยกว่า STOXX 600


🔍 นอกเหนือจากกลยุทธ์การลงทุนแล้ว เราควรพิจารณา FX Hedging Policy หรือนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงินด้วย

  • กองทุนไทยหลายกองมีการ Feed ไปลงกองทุนหลักที่เป็นสกุลต่างประเทศ หรือลงทุนใน FoF ต่างประเทศ โดยขึ้นอยู่กับกองทุนหลักว่ามีการจดทะเบียนเป็นสกุลเงินใด เช่น EUR, USD, GBP, CHF หรือหากนำเงินไปลงทุนหุ้นยุโรป/ยูโรโซน ก็ขึ้นอยู่กับว่าหุ้นนั้นๆ ซื้อขายในสกุลใด

  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (FX Hedging) จะเป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงินระหว่างสกุลเงินบาทและสกุลเงินต่างประเทศ โดยขึ้นอยู่กับความกองทุนหลักมีสกุลเงินใด เช่น หากกองทุนหลักมีสกุลเงิน EUR การป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนก็จะเป็นการป้องกันบนคู่เงิน EURTHB เป็นต้น โดยการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินจะมีสัดส่วนการป้องกันระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนของกองทุน ซึ่งมีทั้งการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเต็มจำนวน การป้องกันความเสี่ยงค่าเงินตามดุลยพินิจ และไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงิน

  • ตัวอย่างเช่น กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงินเต็มจำนวน เช่น กองทุนประเภท Feeder Fund ที่ไปลงทุนในกองทุนหลักที่มีสกุลเงิน EUR ผลการดำเนินงานของกองทุนไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน EURTHB แต่จะมีค่าใช้จ่ายในการป้องกันค่าเงินบางส่วน โดยจะทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนค่อนข้างที่จะล้อไปกับกองทุนหลัก

  • หากกองทุนไม่มีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน หรือป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจ ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับจากการลงทุนอาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นนโยบายการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินของกองทุนไทยที่มีการลงทุนในต่างประเทศเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรเช็กเสมอ เพราะผลตอบแทนจริงๆ อาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินด้วย



👉 โดย Lists ของแต่ละกลุ่มมาให้ว่า มี "กองทุนหุ้นยุโรป" ตัวไหนในไทยบ้างที่อยู่ในแต่ละหมวด สามารถดูได้ตามข้อมูลด้านล่าง👇

 

Europe-Stocks.jpg

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5