Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 12 ธ.ค. 2568

12 Dec 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. S&P 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดอลลาร์และ Bond Yield ร่วงหลัง Fed ลดอัตราดอกเบี้ย
2. ทรัมป์ลงนามจัดตั้งกรอบกำกับดูแล AI ระดับชาติ ลดอุปสรรคการพัฒนานวัตกรรมใหม่
3. จีนย้ำกระตุ้นเศรษฐกิจภายในให้แข็งแรงในการประชุม CEWC
4. Broadcom รายงานงบไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2025 ดีกว่าคาด ย้ำ AI infrastructure ว่ายังอยู่ในช่วงเติบโต
5. Costco รายงานกำไรดีกว่าคาด สะท้อนว่าผู้บริโภคสหรัฐยังแสวงหา “ความคุ้มค่า”
6. นายกฯ อนุทินประกาศยุบสภา “ขอคืนอำนาจให้ประชาชน” รอเลือกตั้งใน 45-60 วัน

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
12 December 2025

1. ดัชนี S&P 500 +0.21% และ Dow Jones +1.34% ปิดที่ระดับสูงสุดใหม่ ขณะที่ Nasdaq ลดลง -0.25% จากแรงกดดันของหุ้นเทคโนโลยี หลัง Oracle รายงานผลประกอบการต่ำกว่าคาด ส่งผลให้หุ้น Nvidia และ Broadcom อ่อนตัวตามมา ด้านเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐาน สู่ช่วง 3.5%-3.75% ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนเมื่อเทียบกับยูโร ฟรังก์สวิส และสเตอร์ลิง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีลดลงสู่ 4.141% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปและดัชนี MSCI World Index ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยนักลงทุนจับตาการประชุม ECB สัปดาห์หน้า


2. ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) เพื่อจัดตั้งกรอบกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระดับชาติ โดยมีเป้าหมายให้กฎหมายและระเบียบของรัฐบาลกลางมีอำนาจเหนือกฎหมายของแต่ละรัฐ คำสั่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยง “ความไม่สอดคล้องของกฎระเบียบ 50 รัฐ” ที่ภาคเทคโนโลยีมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและนวัตกรรม ทั้งยังเป็นการตอกย้ำแนวคิดว่าสหรัฐฯ ต้องคงความเป็นผู้นำด้าน AI เหนือจีน ฝ่ายที่สนับสนุนมองว่าการมีกฎเกณฑ์ระดับชาติเดียวจะช่วยลดความซับซ้อนด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้บริษัทสามารถ “พัฒนาเพียงครั้งเดียว ใช้ได้ทั่วประเทศ” (build once, deploy everywhere) เร็วขึ้น และยังสร้างมาตรฐานพื้นฐานด้านสิทธิและการคุ้มครองผู้ใช้ให้เท่าเทียมกันทั่วสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่กังวลเตือนว่าหากกรอบนี้ “อ่อนเกินไป” ก็อาจลดมาตรฐานที่เข้มงวดของบางรัฐลง ส่งผลให้การกำกับดูแลตกอยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาลกลางและอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยี มากกว่าจะสะท้อนเสียงของผู้บริโภคและผู้ใช้ปลายทาง 


3. จีนประกาศหลังการประชุม Central Economic Work Conference (CEWC) ว่าจะ “เสริมสร้างตลาดภายในให้แข็งแรง” และใช้อุปสงค์ในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ เพื่อรับมือความเสี่ยงภายนอกที่เพิ่มขึ้น พร้อมเน้นทั้งการสนับสนุนนโยบายมหภาคและการปฏิรูปเชิงลึก การประชุมสองวันนี้เป็นเวทีวางกรอบการคลัง–การเงินปี 2026 และเป็นปีแรกของแผน 5 ปี ฉบับที่ 15 ซึ่งผู้นำจีนมองว่าต้องเน้นสมดุลด้าน “อุปทาน–อุปสงค์” แก้ปัญหาความต้องการภายในอ่อนแอ ราคาสินค้าต่ำเป็นเวลานาน การแข่งขันแบบ “involution” และปัญหาการคลังของรัฐบาลท้องถิ่น ผู้นำย้ำว่าจะ “ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานอย่างเต็มที่แต่ถูกกำกับอย่างเหมาะสม” และต้อง “ผสานการลงทุนทุนกายภาพและการลงทุนในคนอย่างใกล้ชิด” สอดคล้องกับแนวทางในร่างแผน 5 ปีใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการบริโภคภาคครัวเรือน การเพิ่มรายได้ และการสร้าง “ตลาดระดับชาติแบบเอกภาพ” เพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อนและการแข่งขันอุดหนุนระหว่างมณฑล


4. Broadcom รายงานงบไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2025 ดีกว่าคาด ทั้ง EPS และรายได้ หนุนโดยรายได้จาก ผลิตภัณฑ์ AI ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน guidance เดิมมาก และกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของกลุ่มธุรกิจชิป บริษัทประกาศรายได้ไตรมาส 4 ที่ 18.02 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาด 17.45 พันล้านดอลลาร์ และ EPS ปรับปรุง 1.95 ดอลลาร์ ต่อหุ้น สูงกว่าคาด 1.87 ดอลลาร์ โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์ AI ในไตรมาสนี้แตะประมาณ 8.3 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่บริษัทเคยชี้นำไว้ราว 6.2 พันล้านดอลลาร์ สำหรับไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2026 บริษัทให้ guidance รายได้รวมราว 19.1 พันล้านดอลลาร์ พร้อมระบุว่ารายได้จากผลิตภัณฑ์ AI ใน Q1 จะ “เพิ่มขึ้นเท่าตัว” YoY เป็นราว 8.2 พันล้านดอลลาร์ ขับเคลื่อนโดย custom AI accelerators (XPUs) และ Ethernet AI switches ให้กับลูกค้า hyperscalers. ฝ่ายบริหารย้ำว่าการใช้จ่ายด้าน AI ของลูกค้ายังเร่งตัวต่อเนื่องไปถึงปี 2026 


5. Costco รายงานกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 4.50 ดอลลาร์ สูงกว่าตลาดคาดไว้ราว 4.27 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 67.31 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดประมาณ 67.14 พันล้านดอลลาร์ และเติบโต 8.2–8.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ยอดขายสาขาเดิม (Comparable sales) เพิ่มขึ้น 5% ในสหรัฐฯ และ 6.4% รวมทั่วโลก โดยธุรกิจดิจิทัลเติบโตโดดเด่น — ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 20.5% YoY, ทราฟฟิกเว็บไซต์เพิ่มขึ้น 24% YoY, และบริการเดลิเวอรี่วันเดียวผ่าน Instacart, Uber และ DoorDash โตเร็วกว่ายอดขายออนไลน์รวมอีก ฝ่ายบริหารระบุว่าช่วงเปิดฤดูกาลช้อปปิ้งปลายปีเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะยอดขายออนไลน์สินค้ากลุ่ม non food ในช่วง Black Friday ของสหรัฐฯ ทำได้กว่า 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับ สถิติใหม่ ปัจจัยสนับสนุนเชิงโครงสร้าง มาจากการเติบโตของสมาชิก (รวมถึงลูกค้าอายุน้อยขึ้น) และการปรับขึ้น ค่าธรรมเนียมสมาชิกในสหรัฐฯ/แคนาดา ตั้งแต่กันยายน 2024 ที่ไม่กระทบต่อจำนวนสมาชิก


6. นายกฯ อนุทินประกาศยุบสภาและวันนี้มีโปรดเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภาอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้เข้าสู่ช่วงสุญญากาศทางการเมืองและต้องจัดเลือกตั้งภายใน 45–60 วัน โดยสถิติการยุบสภาในอดีตชี้ว่า SET มักรีบาวด์ระยะสั้น 1–3 วันแรกจากการปลดล็อกความไม่แน่นอน ก่อนจะอ่อนตัวและให้ผลตอบแทนติดลบเฉลี่ยราว 4% ในช่วง 1 เดือน จากแรงขายลดความเสี่ยงและการชะลอลงทุนเพื่อรอความชัดเจนวันเลือกตั้งและนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลหน้า ระหว่างนี้รัฐบาลอนุทินทำหน้าที่รักษาการภายใต้ข้อจำกัดการใช้งบและออกมาตรการใหม่ ขณะที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างทบทวนโครงสร้างสิทธิลดหย่อนภาษีแบบบัญชี TISA เพื่อเพิ่มแรงจูงใจการออมระยะยาวและดึงเม็ดเงินเข้าตลาดทุน คาดหวังให้มีผลใช้จริงราวปีภาษี 2569


ประเด็นที่ต้องติดตาม: CPI ของเยอรมนีเดือน พ.ย. คาดการณ์ที่ 2.3%  เท่ากับก่อนหน้านี้

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5