
1.Amazon กำไร/รายได้ดีเกินคาด ธุรกิจ Cloud (AWS) โตเร็วสุดในรอบ 3 ปี
2.Apple แนวโน้ม Q4 สดใส คาดรายได้ช่วงวันหยุดพุ่ง 10-12% ทำสถิติใหม่
3.Nvidia ส่งชิป AI แสนกว่าตัวไปเกาหลีใต้ เสริมแกร่งโรงงานอัจฉริยะและ AI ในเอเชีย
4.PMI ภาคการผลิตจีน ต.ค. หดตัวเหลือ 49.0 สะท้อนดีมานด์ในประเทศอ่อนแอ
5.ฟิวเจอร์สหรัฐฯ ฟื้นตัวในคืนนี้ หลังหุ้นเทคฯ ถูกเทหนักในเมื่อคืน
6.SET ปิดลบ ตลาดกังวล Fed ลดดอกเบี้ยช้าลง กดดัน Fund Flow ชะลอเข้าเอเชีย
1. Amazon รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในการซื้อขายช่วงก่อนตลาดเปิดทำการ รายได้ไตรมาส 3 เติบโต 13% เมื่อเทียบเป็นรายปี อยู่ที่ 180,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.95 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ความน่าสนใจอยู่ที่ธุรกิจ Amazon Web Services (AWS) ซึ่งมีอัตราการเติบโตของรายได้ถึง 20% ซึ่งเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 และยังคงเป็นหัวใจหลักของความทะเยอทะยานด้าน AI ของ Amazon นอกจากนี้ บริษัทยังคาดการณ์รายได้สำหรับไตรมาสปัจจุบัน (ช่วงวันหยุด) ที่สดใส
2. หุ้น Apple ปรับขึ้นในช่วงก่อนตลาดเปิดทำการ โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มที่สดใสของผู้ผลิตแกดเจ็ตสัญชาติแคลิฟอร์เนียรายนี้ บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้รวมในช่วงไตรมาสวันหยุดจะเพิ่มขึ้น 10% ถึง 12% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทประมาณการไว้มาก Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวว่า iPhone 17 จะนำไปสู่ไตรมาสเดือนธันวาคมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท แม้ว่ายอดขาย iPhone ในไตรมาสกันยายนจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย เนื่องจากปัญหาด้านอุปทาน แต่ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า iPhone 17 ได้รับการตอบรับที่ดีทั่วโลก และ Apple ก็คาดว่าจะเพิ่มการลงทุนด้าน AI ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
3. Nvidia ประกาศว่าจะจัดส่งชิป AI ที่ล้ำสมัยกว่า 260,000 ชิ้นให้กับรัฐบาลเกาหลีใต้และบริษัทชั้นนำในประเทศ เช่น Samsung Electronics, SK Group และ Hyundai Motor เพื่อใช้ในการสร้างโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factories) และสนับสนุนการพัฒนา AI ในประเทศ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กล่าวว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เกาหลีใต้สามารถ "ผลิตปัญญา (Intelligence)" เป็นสินค้าส่งออกใหม่ได้ การประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Nvidia เพิ่งเผชิญกับแรงขายหนักจากความกังวลเรื่องการใช้จ่ายด้าน AI
4. ข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) อย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนหดตัวลงมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนตุลาคม โดย Manufacturing PMI ลดลงเหลือ 49.0 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 49.6 และเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่เจ็ด ตัวเลขนี้สะท้อนถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแออย่างต่อเนื่อง และผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ต่อการส่งออก ข้อมูลนี้ยิ่งตอกย้ำว่ารัฐบาลปักกิ่งอาจต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืด การบริโภคที่อ่อนแอ และการลงทุนภาคเอกชนที่ลดล
5. ตลาดฟิวเจอร์สหรัฐฯ ฟื้นตัวในคืนนี้ หลังเผชิญกับการปรับฐานในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ หุ้น Meta หุ้นร่วงถึง 11.3% (เป็นการลดลงในวันเดียวที่มากที่สุดในรอบสามปี) และ Microsoft ลดลง 2.9% เนื่องจากทั้งสองบริษัทประกาศแผนการใช้จ่ายด้าน AI ที่สูงลิ่ว ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอัตรากำไรจะถูกกดดันและผลตอบแทนจากการลงทุนจะมาช้า การลดลงนี้เกิดขึ้นแม้ว่า Alphabet จะเพิ่มขึ้น 2.5% จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
6. SET Index ปิดวันนี้ที่ 1,309.50 จุด ลดลง 5.15 จุด (-0.39%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 32,552.48 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ เนื่องจากความเห็นของ Jerome Powell ประธาน Fed ที่ระบุว่าการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม "ไม่แน่นอน" ได้กดดันให้ Fund Flow ชะลอเข้าสู่ตลาดเอเชีย นักลงทุนยังคงระมัดระวังการลงทุนในหุ้นที่อิงตลาดภายในประเทศที่อาจมีผลประกอบการอ่อนแอ แนวโน้มในสัปดาห์หน้าตลาดมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงแรงหากหลุดแนวรับ 1,300 จุด
-----
ที่มา: Investing.com และ InnovestX Research
แปลและเรียบเรียง: Content Team, InnovestX
ดาวน์โหลดแอป InnovestX วันนี้ เพื่อเข้าถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐและตลาดทั่วโลก
📱 ดาวน์โหลดแอป: https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b