Bites for Dinner

Bites for Dinner - เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้ 20 พ.ย. 2568

20 Nov 25 5:48 PM
เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้
สรุปสาระสำคัญ

1. Nvidia เหนือคาดอีกแล้ว!ยอดขายโต 62% ทำนายไตรมาสหน้าสูงกว่าที่ตลาดคาด CEO ออกมายืนยันเอง "ไม่ใช่ฟองสบู่" ออเดอร์แน่นถึงปี 2026
2. ฟิวเจอร์สพุ่งแรง! Nasdaq โดดเกือบ 2% หุ้นเทคฟื้นตัวหนักหลัง Nvidia ทำผลงานได้
3. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร! คาดเพิ่ม 50,000 ตำแหน่ง ถ้าออกมาต่ำกว่านี้ เฟดอาจลดดอกเบี้ยเดือนหน้า
4. Walmart ประกาศผลวันนี้ ดูกันว่าคนอเมริกันจ่ายเงินช้อปแรงแค่ไหน ก่อนเข้าช่วงปลายปี
5. น้ำมันขึ้นต่อเนื่อง สต็อกสหรัฐลดลง บวกกับใกล้กำหนดตัดธุรกิจกับรัสเซีย ราคาพุ่งทะลุสัปดาห์
6. หุ้นไทยฟื้นตัว! ท่าอากาศยานพุ่ง 5.6% การบินไทยโดด 4.4% นักท่องเที่ยวจีนหันมาไทยแทนญี่ปุ่น กลุ่มธนาคารก็ขึ้นตาม

🌙 เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด คืนนี้ 20 พ.ย. 2568

1. Nvidia พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง บริษัทผู้ผลิตชิปที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกรายงานยอดขายโต 62% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการเร่งตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส และที่สำคัญคือการคาดการณ์ยอดขายไตรมาส 4 ที่ $65 พันล้านดอลลาร์ (บวกลบ 2%) สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ $61.66 พันล้านดอลลาร์อย่างชัดเจน เจนเซ่น หวง CEO ของบริษัทออกมาโต้กระแสที่บอกว่าเกิด AI Bubble โดยระบุว่าจากมุมมองของพวกเขา สิ่งที่เห็นนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ความต้องการชิป AI ของ Nvidia ยังคงแข็งแกร่งไม่ใช่แค่จาก Hyperscalers ในวอลล์สตรีทเท่านั้น แต่กระจายไปทั่วทุกแพลตฟอร์มตั้งแต่ Cloud, On-premise, Robotic Systems, Edge Devices ไปจนถึง PC หวงยังย้ำว่าบริษัทมี Booking สะสมถึง $500 พันล้านดอลลาร์สำหรับชิปรุ่นล่าสุดจนถึงปี 2026 และที่น่าสนใจคือรัฐบาล Trump กำลังขอให้รัฐสภาปฏิเสธมาตรการที่จะจำกัดความสามารถของ Nvidia ในการขายชิป AI ไปยังจีนและประเทศที่ถูก Embargo ซึ่งอาจเป็นลมหนุนเพิ่มเติม

2. ตลาดฟิวเจอร์สเปิดรับข่าวดี ณ เวลา 03:20 ET วันพุธ S&P 500 Futures ปรับตัวขึ้น 85 จุด หรือ 1.3% ขณะที่ Nasdaq 100 Futures พุ่ง 430 จุด หรือ 1.8% และ Dow Futures เพิ่มขึ้น 290 จุด หรือ 0.6% แม้ว่าทั้ง 3 ดัชนีหลักจะปิดในแดนบวกเมื่อวันพุธ หยุดการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันของทั้ง S&P 500 และ Nasdaq แต่ยังคงมีแนวโน้มจบสัปดาห์ในแดนลบเนื่องจากการปรับฐานที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา หุ้น Nvidia พุ่งขึ้นในช่วง Premarket หลังผลประกอบการและ Guidance ที่เหนือคาดช่วยยกระดับความเชื่อมั่นนักลงทุนในธีม AI Trading กลับมาอีกครั้ง

3. รายงานตลาดแรงงานที่ทุกคนรอคอย รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือนกันยายนของสหรัฐจะถูกเปิดเผยในวันนี้ หลังจากถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการชัตดาวน์ของรัฐบาลนาน 43 วัน ซึ่งส่งผลให้รายงานเดือนตุลาคมถูกยกเลิกไปด้วย ทำให้ข้อมูลครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษก่อนการประชุมของเฟดในวันที่ 10 ธันวาคม ตลาดคาดการณ์ว่าจำนวนการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าสองเท่าของเดือนสิงหาคมที่เพิ่มแค่ 22,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.3% ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี นักวิเคราะห์จาก Vital Knowledge ชี้ว่าในอดีตหากตัวเลขการจ้างงานอยู่แค่ 50K ต่อเดือนจะเป็นสัญญาณชัดเจนให้เฟดลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว แต่ในสภาวะปัจจุบันที่ Break-even Level ของเศรษฐกิจสหรัฐอาจอยู่แค่ 50K หรือต่ำกว่า และอัตราเงินเฟ้อยังสูงอยู่ ธนาคารกลางจะไม่เร่งตัดสินใจเร็วเท่าเดิม นักวิเคราะห์จาก ING เสริมว่าหากข้อมูลงานไม่สามารถผลักดันตลาดให้เชื่อมั่นในการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธันวาคม (ซึ่งตอนนี้ตลาดเห็นโอกาสแค่ 50%) ตลาดหุ้นจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อไป

4.  Walmart ผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะประกาศผลประกอบการในวันนี้ ซึ่งจะให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งปลายปีที่กำลังจะมาถึง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจะรายงานรายได้ $177.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4.7% จากปีก่อน และมีกำไรต่อหุ้น $0.60 เพิ่มขึ้นจาก $0.58 ในปีก่อน ผลประกอบการครั้งนี้มาหลังจากที่บริษัทประกาศว่า CEO ดั๊ก แมคมิลลอน จะเกษียณในปีหน้าหลังดำรงตำแหน่งมามากกว่าทศวรรษ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2014 แมคมิลลอนได้นำพา Walmart เติบโตเป็นสามเท่ามาอยู่ที่มูลค่า $817 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะจากการแข่งขันกับ Amazon ในตลาด E-commerce ภาคค้าปลีกให้ผลงานที่หลากหลายในสัปดาห์นี้ Target ปรับลดเป้าหมายกำไรทั้งปีและยืนยันว่ายอดขายจะลดลงในไตรมาสปัจจุบัน ขณะที่ Home Depot คาดว่ากำไรทั้งปีจะลดลงมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน Lowe's รายงานกำไรไตรมาส 3 ที่ดีกว่าคาดและยกระดับคาดการณ์ยอดขายทั้งปี 2025

5. น้ำมันดิบทะยานต่อเนื่อง ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในวันพฤหัสบดี มีแนวโน้มปิดสัปดาห์ในแดนบวก โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด Brent Futures ปรับขึ้น 0.6% มาที่ $63.86 ต่อบาร์เรล ขณะที่ WTI Crude Futures เพิ่มขึ้น 0.6% มาที่ $59.59 ต่อบาร์เรล ทั้งสองสัญญามีแนวโน้มจะทำกำไรได้มากกว่า 1% ในสัปดาห์นี้ ก่อนถึงวันที่ 21 พฤศจิกายนซึ่งเป็นเส้นตายที่สหรัฐกำหนดให้บริษัทต่างๆ ต้องยุติธุรกิจกับ Rosneft และ Lukoil ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุด 2 รายของรัสเซีย ปัจจัยหนุนราคาอีกประการมาจากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 พฤศจิกายน ตามรายงานของ Energy Information Administration อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างรวดเร็วในวันพุธหลังจากรายงานของ Reuters ระบุว่าสหรัฐส่งสัญญาณให้ยูเครนยอมรับกรอบการเจรจาที่สหรัฐร่างขึ้นเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย

6. ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวตามกระแสโลก ดัชนี SET Index ปิดการซื้อขายวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ที่ระดับ 1,281.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.64 จุด หรือ 0.76% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 33,000 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของ Nvidia ที่เหนือคาด ช่วยลดความกังวลเรื่อง AI Bubble และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในภูมิภาค กลุ่มหุ้นที่โดดเด่นคือกลุ่มท่องเที่ยวและการบิน โดยเฉพาะ AOT พุ่งขึ้น 5.63%, THAI เพิ่มขึ้น 4.44%, BA ปรับตัวขึ้น 4.26% และ AAV เพิ่มขึ้น 1.90% จากข่าวดีที่บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์จีนรายงานว่านักท่องเที่ยวจีนกำลังมองหาจุดหมายปลายทางใหม่ทดแทนญี่ปุ่น โดยประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมที่มีการค้นหาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนและญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

กลุ่มธนาคารและการเงินก็ปรับตัวขึ้นตามกัน โดย TCAP เพิ่มขึ้น 2.82%, KTB ขึ้น 1.85%, BBL ปรับขึ้น 1.27% และ KBANK เพิ่มขึ้น 1.08% ได้แรงหนุนจากการรายงานการประชุมเฟดที่บ่งชี้โอกาสการลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธันวาคม รวมถึงความเคลื่อนไหวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง GULF ที่ทยอยสะสมหุ้นธนาคาร บวกกับจุดเด่นเรื่องอัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูง

กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีทิศทางผสม โดยในช่วงเช้า KCE ปรับขึ้น 2.34% และ DELTA ขึ้น 0.93% ตามกระแสเชิงบวกจาก Nvidia แต่ในช่วงบ่ายพบแรงขายบ้าง โดย CCET ลดลง 0.98% และ HANA ปรับลง 2.76% จากความกังวลเรื่องอุปสงค์ที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง อุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นนำโดยกลุ่มขนส่ง ไฟแนนซ์ ธนาคาร และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่กลุ่มที่ปรับตัวลงนำโดยบรรจุภัณฑ์และการแพทย์


ที่มา: Investing และ InnovestX Research
แปลและเรียบเรียง: InnovestX Content Team 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5