ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2025 Bitcoin สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ด้วยราคาที่พุ่งทะลุระดับ $123,000 เพิ่มขึ้นมากกว่า 75% จากจุดต่ำสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ภาวะเก็งกำไรชั่วคราว แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดคริปโตที่กำลังก้าวเข้าสู่กระแสหลักในระดับโลกอย่างแท้จริง
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของ Bitcoin คือ การยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากภาคการเงินดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการอนุมัติ Bitcoin Spot ETFs ในสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเปิดประตูให้นักลงทุนสถาบันสามารถลงทุนใน Bitcoin ผ่านเครื่องมือทางการเงินที่คุ้นเคย
ข้อมูลจาก Deutsche Bank ชี้ว่า Bitcoin ETFs ในสหรัฐฯ ดึงดูดเงินลงทุนกระแสเข้ากว่า $50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในกลางปี 2025 โดยเฉพาะ iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงถึง $80,000 ล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ซึ่งเทียบได้กับ SPDR Gold Shares ที่ใช้เวลากว่า 15 ปีในการเติบโตถึงระดับนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของนักลงทุนรายใหญ่ที่มองเห็นศักยภาพระยะยาวของ Bitcoin
ในด้านนโยบาย ภาครัฐในหลายประเทศเริ่มแสดงท่าทีสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน
ในบริบทของ ประเทศไทย รัฐบาลเองก็เริ่มขยับเชิงนโยบายมากขึ้น โดยเฉพาะในแง่การส่งเสริมสินทรัพย์ดิจิทัลให้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีการสนับสนุนโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (investment token) ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น รวมถึงการเสนอขาย G-token ตลอดจนการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐอย่างกระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.ล.ต. นอกจากนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ยังเตรียมเปิด Sandbox เพิ่มทางเลือกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทและนำไปใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในภาคการเงินหรือภาครัฐเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่ภาคธุรกิจโดยรวม บริษัทเอกชนทั้งในและนอกวงการเทคโนโลยีเริ่มหันมาถือครอง Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งของเงินสำรอง ข้อมูลล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2025 จาก Deutsche Bank ระบุว่า Bitcoin ที่อยู่ในมือภาคเอกชนมีสัดส่วนมากถึง 31% ของ Supply ทั้งหมดในตลาด ซึ่งรวมถึงบริษัทอย่าง Beck & Bulow, Metaplanet และ DDC Enterprise การขยายตัวของการถือครองในลักษณะนี้เป็นสัญญาณว่า Bitcoin กำลังเปลี่ยนสถานะจากสินทรัพย์เก็งกำไรไปสู่ สินทรัพย์สำรองในภาคธุรกิจอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนการลงทุนใน Bitcoin คือ แนวโน้มของการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ (De-dollarization) ซึ่งทวีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์ลดลงเกือบ 10% นับตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้นักลงทุนหลายรายหันไปหาแหล่งเก็บมูลค่าทางเลือกอย่างทองคำและ Bitcoin หลายประเทศเริ่มพิจารณาถือ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองในคลัง เช่น ยูเครนที่เปิดเผยว่ามีการสะสม Bitcoin แล้วกว่า 46,000 เหรียญ และสาธารณรัฐเช็กที่กำลังศึกษาแนวทางในลักษณะเดียวกัน
ในแง่เทคโนโลยี การพัฒนาของ Bitcoin ก็ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีการอัปเกรดโครงสร้าง Layer 2 และการขยาย Lightning Network ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วและลดต้นทุนการทำธุรกรรมให้ต่ำลง แพลตฟอร์มอย่าง Cash App, Kraken และ Strike เริ่มรองรับการชำระเงินผ่าน Lightning ในวงกว้าง ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินระดับโลกอย่าง BNY Mellon และ State Street ก็ได้เปิดตัวบริการ Custody สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Multi-Party Computation (MPC) และ Trusted Execution Environments (TEE) เพื่อรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ในระดับองค์กร
สิ่งที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือ แม้ราคาของ Bitcoin จะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง แต่ ระดับความผันผวนกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง รายงานล่าสุดจาก Deutsche Bank ระบุว่า ความผันผวนเฉลี่ย 90 วันของ Bitcoin ลดลงแตะระดับต่ำสุดในประวัติการณ์ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของตลาดจากการเก็งกำไรระยะสั้นไปสู่การลงทุนระยะยาวที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
สำหรับนักลงทุนรายย่อยและสถาบันที่ต้องการเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในยุคใหม่ การเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ แพลตฟอร์มที่ดีควรมีระบบรักษาความปลอดภัยในระดับสถาบัน การกำกับดูแลที่โปร่งใส บริการลูกค้าที่มีคุณภาพ และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างของผู้ให้บริการในประเทศไทยอย่าง InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับทั้งนักลงทุน ด้วยบริการที่สอดคล้องกับมาตรฐานของสำนักงาน ก.ล.ต.
อย่างไรก็ดี แม้ตลาดจะเติบโตขึ้นมามากแล้ว แต่ ความเสี่ยงก็ยังคงอยู่ นักลงทุนควรเข้าใจลักษณะของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถ่องแท้ ใช้กลยุทธ์บริหารพอร์ตที่มีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และไม่ลงทุนในระดับที่เกินกว่าความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง
การที่ Bitcoin พุ่งทะลุระดับ $123,000 ในปี 2025 อาจเป็นมากกว่าการเคลื่อนไหวของราคา แต่สะท้อนถึง การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ในโครงสร้างของระบบการเงินโลก จากสินทรัพย์ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นการทดลอง กลับกลายเป็นตัวเลือกการลงทุนหลักของสถาบัน รัฐบาล และประชาชนในหลายประเทศทั่วโลก
หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล หรือต้องการเข้าถึงตลาดคริปโตอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์และช่องทางของ InnovestX ซึ่งพร้อมให้บริการทั้งข้อมูล และเครื่องมือการลงทุนที่ครบครัน
📱 ดาวโหลดและเปิดบัญชีกับ InnovestX คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน : คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้