PDF Available  
Macro Making Sense

คลังเปิดแผลเศรษฐกิจไทยปี 2026 5 ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ธปท.สั่งธนาคารรายงานธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|29 Dec 25 6:52 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปคลังเปิดแผลเศรษฐกิจไทยปี 2026 5 ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ธปท.สั่งธนาคารรายงานธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ

  • คลังเปิดแผลเศรษฐกิจไทยปี 2026 ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2026 เผชิญความท้าทายสูง คาดขยายตัวเพียง 2.0% โดยมีปัญหาหลักคือ "จีดีพีโตต่ำกว่าศักยภาพ" ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาเงินไม่สะพัด การเก็บภาษีวืดเป้า และหนี้สาธารณะใกล้ชนเพดาน การยุบสภาทำให้การจัดทำงบประมาณปี 2027 ล่าช้า 3 เดือน และรัฐบาลรักษาการไม่สามารถดำเนินนโยบายสำคัญอย่าง "คนละครึ่งพลัส" หรือปรับมาตรการภาษีได้ ปลัดคลังเน้นว่ารัฐบาลใหม่ต้องเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็น New Growth Engine โดยเฉพาะระบบบริหารจัดการน้ำ พร้อมต้องลดขาดดุลการคลังจาก 4% เหลือ 2% ของ GDP เพื่อสกัดวิกฤตการคลัง ขณะเดียวกันชงให้รัฐบาลใหม่เปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ทันที ผลักดัน TISA ภายในกลางปีหน้า เดินหน้า NIT และ Data Lake เพื่อปรับปรุงระบบภาษีและสวัสดิการ รวมถึงสร้าง "อารีย์สกอร์" ช่วยคนตัวเล็กเข้าถึงสินเชื่อ และเร่งทำ "ดาต้าบูโร" เชื่อมโยงข้อมูลทุกหน่วยงานเพื่อปิดช่องโหว่สกัดแก๊งสแกมเมอร์และเงินเทา
  • 5 ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยและโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ (1) ภาวะเงินฝืด จากเงินเฟ้อติดลบ 8 เดือนติดต่อกัน จำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินโดย ธปท.คาดลดดอกเบี้ยเหลือ 0.75% ภายในปี 2026 (2) การลงทุนที่ต่ำ อัตราการใช้กำลังการผลิตเหลือเพียง 50-60% ต้องผลักดันการลงทุนภาครัฐเพื่อดึง Crowding-in Effect ผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อย่างรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน Land Bridge และทางพิเศษ M7, M9, M5 (3) ความเสี่ยงทางการคลัง ขาดดุลงบประมาณถึง 4.3% ของ GDP สูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตปี 1997 ต้องสร้างสมดุลระหว่างวินัยการคลังกับการลงทุนสร้าง New Growth Engine
  • (4) ความเสี่ยงการส่งออก จากปัญหา Transshipment ที่เสี่ยงโดนภาษี 40% และต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถด้าน AI และ Quantum Computing เพื่อยกระดับมูลค่าเพิ่ม และ (5) การเลือกระหว่างนโยบายระยะสั้นกับระยะยาว ต้องเน้นบริหารอุปทานระยะยาวเพื่อสร้างผลิตภาพที่ยั่งยืน แทนการบริหารอุปสงค์ระยะสั้น
  • ธปท.สั่งธนาคารรายงานธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ โดยสั่งธนาคารรายงานธุรกรรมเงินตราต่างประเทศตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์ขึ้นไป มีผลบังคับใช้ 29 ธันวาคม 2025 เพื่อจัดการปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกือบ 10% นับตั้งแต่ต้นปี จนเป็นสกุลเงินแข็งค่าอันดับสองในเอเชีย โดยเฉพาะเข้มงวดธุรกรรมทองคำที่ ธปท. มองว่า "การเก็งกำไรทองคำไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต แต่สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาท" และกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาภาษีธุรกิจสำหรับการซื้อขายทองคำออนไลน์ ขณะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญดุลการค้าขาดดุลสูงกว่าคาด 2.73 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน จากการส่งออกเติบโตเพียง 7.1% ต่ำกว่าคาด แต่การนำเข้าพุ่ง 17.6% แม้การส่งออกไปสหรัฐจะพุ่ง 38% จากบูม AI โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่โต 157% แต่ความสำเร็จนี้อาจเป็นชั่วคราว ท่ามกลางความกังวลเรื่อง Transshipment และแรงกดดันจากทรัมป์ให้แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยคาดการณ์การส่งออกปี 2026 อาจติดลบ -3.1% ถึงขยายตัว 1.1% เท่านั้น สะท้อนว่าปี 2026 จะเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับเศรษฐกิจไทยท่ามกลางค่าเงินบาทที่แข็งแกร่ง ดุลการค้าที่ขาดดุล และสงครามการค้าโลก ความสามารถของรัฐบาลและ ธปท. ในการสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมค่าเงินและการรักษาความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออกจึงเป็นกุญแจสำคัญต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในปีหน้า
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5