1. ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเผชิญแรงขายต่อเนื่อง
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเผชิญแรงขายต่อเนื่อง หลังจาก Bitcoin (BTC) ร่วงลงแตะบริเวณ $98,900 จากระดับสูงสุดราว $114,000 ก่อนจะฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ $100,000 ได้อีกครั้ง ขณะที่ Ethereum (ETH) ปรับลดลงแตะระดับ $3,270 การปรับฐานรอบนี้ถูกกดดันจากกระแสเงินไหลออกของกองทุน Spot Bitcoin ETF รวมกว่า -901.24 ล้านดอลลาร์ และ Spot Ethereum ETF อีก -473.71 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นแรงขายต่อเนื่อง 5 วันติดต่อกัน ส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโททั้งหมดลดลงราว 13% เหลือประมาณ $3.38 ล้านล้าน ขณะที่ดัชนี Fear & Greed ลดลงมาที่ระดับ 24 สะท้อนภาวะ “ความกลัว” ที่เริ่มครอบคลุมตลาดทั่วทั้งกระดาน
2. การทดสอบแนวรับสำคัญของ Bitcoin บริเวณ 50-Week Moving Average
ราคาปัจจุบันของ Bitcoin กำลังทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณเส้น 50–Week Moving Average แถว $103,000 ซึ่งเคยเป็นฐานรองรับของรอบ Bull Market ตั้งแต่ปี 2023 หากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ จะเป็นสัญญาณเชิงบวกว่าวัฏจักรขาขึ้นระยะกลางยังไม่สิ้นสุด แต่หากหลุดต่ำกว่าแนวนี้ อาจเปิดทางให้เกิดแรงขายต่อเนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่ โดยเฉพาะในภาวะที่ Fed ส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ซึ่งอาจกดดันบรรยากาศการลงทุนเพิ่มเติม นักลงทุนจึงควรจับตาการยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยนี้อย่างใกล้ชิด เพราะถือเป็น “จุดชี้ชะตา” ของแนวโน้มตลาดในรอบถัดไป
3. การไหลกลับของสภาพคล่องสู่ Bitcoin สะท้อนผ่าน BTC Dominance ที่เพิ่มขึ้น
ในช่วงเดียวกัน สัดส่วน Bitcoin Dominance (BTC.D) ปรับขึ้นต่อเนื่องสูงกว่า 60% บ่งชี้ว่าสภาพคล่องเริ่มไหลกลับเข้าสู่ Bitcoin แทน Altcoins โดยในอดีตช่วงปี 2019 เคยเกิดปรากฏการณ์คล้ายกัน ก่อนที่ Fed จะยุติมาตรการ QT ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของสินทรัพย์หลักอย่าง Bitcoin BTC.D ที่เพิ่มขึ้นในรอบนี้สะท้อนว่านักลงทุนลดความเสี่ยงจากเหรียญรอง เช่น Polygon (POL), Arbitrum (ARB) และ Worldcoin (WLD) ที่ร่วงกว่า -10% ในขณะที่ Bitcoin ปรับลงเพียง -5.91% ชี้ให้เห็นว่าตลาดอยู่ในโหมด “Risk-off” และนักลงทุนเลือกกลับมาพึ่งพาสินทรัพย์หลักที่มีความมั่นคงกว่าในช่วงตลาดผันผวน
4. สัญญาณสภาพคล่องเริ่มกลับมาผ่าน Stablecoin Reserves บน Binance
ข้อมูลจาก CryptoQuant ระบุว่า ปริมาณ Stablecoin Reserves บน Binance เพิ่มขึ้นแตะระดับ $7.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบปี นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 การเพิ่มขึ้นของ Stablecoin ดังกล่าวสะท้อนว่ากระแสเงินทุนในตลาดคริปโทเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ซึ่งอาจมีสองความเป็นไปได้หลัก ได้แก่ (1) นักลงทุนโอนเงินเข้ามาเพื่อรอจังหวะ “ช้อนซื้อ” หลังตลาดปรับฐาน หรือ (2) Exchange เตรียมสภาพคล่องไว้รองรับแรงขาย ทั้งสองกรณีต่างบ่งชี้ถึง “การเปลี่ยนเฟสของสภาพคล่อง” ที่มักเกิดขึ้นในช่วงสำคัญของวัฏจักรตลาด ซึ่งอาจนำไปสู่การกลับตัวของแนวโน้มในระยะต่อไป
5. จับตาความเป็นไปได้ของ Bitcoin Cycle Top ที่อาจเกิดขึ้นแล้วในตุลาคม 2025
เมื่อพิจารณาจากวัฏจักรประวัติศาสตร์ของ Bitcoin จะพบว่าราคามักสร้างจุดสูงสุดของตลาด (Cycle Top) ทุก ๆ ประมาณ 4 ปี โดยรอบก่อนหน้าเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2021 ซึ่งนับถึงปัจจุบันครบ 4 ปีพอดี หากรูปแบบ “4-Year Cycle” ยังคงดำเนินต่อไป มีความเป็นไปได้ว่าจุดสูงสุดของรอบนี้อาจเกิดขึ้นไปแล้วในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งอาจอธิบายพฤติกรรมการขายทำกำไรของนักลงทุนบางส่วนในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ในช่วงพักฐาน แต่ตราบใดที่ Bitcoin ยังสามารถยืนเหนือแนวรับระยะกลางที่เส้น 50-Week MA ได้ แนวโน้มภาพใหญ่ของตลาดยังไม่เสีย และ Bitcoin ยังคงมีศักยภาพที่จะ Outperform เหรียญอื่นในช่วงที่ตลาดกำลังเลือกทิศทางต่อไป
สนใจลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี และหุ้นเติบโตอื่น ๆ
เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้