สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกยังคงเดินหน้าปรับขึ้น หลังตัวเลขจ้างงานชะลอตัวลง อีกทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ออกมาค่อนข้าง Dovish แม้จะไม่มีการระบุว่าจะลดดอกเบี้ยเมื่อใด แต่เริ่มชัดเจนว่าเฟดกลับมาให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจและการจ้างงานที่อาจถูกกระทบจากดอกเบี้ยสูงมากขึ้น ขณะที่ลดระดับความสำคัญของการควบคุมเงินเฟ้อลง โดยระบุเฟดจะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับตัวสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ก่อนจะปรับลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะหลังเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. ออกมาต่ำกว่าคาด และต่ำกว่าเดือนก่อน ส่งผลให้ตลาด (CME fedwatch tool) ให้น้ำหนักมากกว่า 90% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับลดลงอย่างรวดเร็ว ด้านหุ้นกลุ่มเทคฯ อ่อนตัว จากการเปลี่ยนกลุ่มหุ้นเติบโตที่ขึ้นมามาก ไปสู่กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย รวมถึงหุ้นขนาดเล็ก ฝั่งตลาดหุ้น EM ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง อีกทั้งความคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในการประชุม Third Plenum ในสัปดาห์หน้า รวมถึงการออกมาตรการควบคุมการ short selling และ HFT แม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะต่ำกว่าคาด บ่งชี้ถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังคงอ่อนแอ ตลาดหุ้นไทย SET index ปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย และกลุ่ม TIP หลังเริ่มใช้มาตรการ uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนั้นรัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการ Digital Wallet โดยเตรียมแถลงเปิดลงทะเบียนในวันที่ 24 ก.ค. ด้านตลาดน้ำมันปรับตัวลดลง หลังเฮอร์ริเคน Beryl ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันจำกัด
สัปดาห์นี้ ตลาดปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องหลังเงินเฟ้อสหรัฐปรับลดลง ขณะที่อัตราว่างงานปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ ประธาน Fed ส่งสัญญาณเตรียมผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเริ่มลดลงเล็กน้อย หลังสัญญาณลดดอกเบี้ยมีมากขึ้น ด้านเงินเฟ้อผู้บริโภคจีนต่ำกว่าคาด ขณะที่เงินเฟ้อผู้ผลิตยังคงติดลบ บ่งชี้เศรษฐกิจจีนที่ยังคงเสี่ยงภาวะเงินฝืดต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ ตลาดปรับขึ้นจากมาตรการ Uptick rule ที่มีผลต่อเนื่อง และจาก (1) ความชัดเจนมาตรการ Digital Wallet ที่มากขึ้น โดยลดวงเงินงบประมาณลงเหลือ 4.5 แสนล้านบาท และระบุรายชื่อสินค้าเพิ่มเติม ขณะที่ (2) ข้อมูลจาก NCB ระบุ ธพ. ปล่อยสินเชื่อยากขึ้นโดยเฉพาะสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่ลดในระดับ 2-24% ขณะที่หนี้เสียเพิ่มขึ้น 6.6% และ (3) เงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวที่ 0.62% ต่ำกว่าคาดที่ 1.2% ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.36%
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงเล็กน้อยที่ 4.22 % ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับลดลงแรงกว่ามาอยู่ที่ 4.52% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -30 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับลงมาอยู่ที่ 2.62% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.34% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 6,317 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อนหลังเฮอร์ริเคน Beryl ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันจำกัด ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2,413.1 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงที่ 104.51 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 159.22 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.08 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 36.18 บาท ขณะที่เงินหยวนแข็งขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 7.26 หยวน
กดอ่านเพิ่มเติมและดาวน์โหลดเอกสารได้จากปุ่มด้านล่าง