สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกทรงตัวเนื่องจาก (1) แม้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ แต่ตลาดมากังวลประเด็นที่กระทรวงการคลังจะออกพันธบัตรมากขึ้น ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง (2) ตัวเลขตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLT) ที่กลับมาฟื้นตัวเกิน 10 ล้านตำแหน่งอีกครั้ง แม้ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยก็ตาม ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าดอกเบี้ยจะต้องคงอยู่ในระดับสูงยาวนานขึ้น (3) สัญญาณเศรษฐกิจอื่น ๆ เริ่มชะลอลงมากขึ้น โดยรายงานจาก Fed Beige Book ระบุว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อในภูมิภาคทั่วสหรัฐเริ่มทั่วสหรัฐเริ่มชะลอลง (4) นายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน ว่าที่รองประธาน Fed ส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยจะยังไม่ถูกปรับขึ้นในครั้งนี้ เพื่อให้ Fed สามารถพิจารณาผลของดอกเบี้ยขาขึ้นต่อเศรษฐกิจก่อน แต่ไม่ปิดประตูที่จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัด ๆ ไป (5) ราคาบ้านในสหรัฐชะลอต่อเนื่อง โดยดัชนี Case-Shiller index ขยายตัว 0.7% ต่อปีในเดือน มี.ค. ชะลอจาก 2.1% ในเดือน ก.พ. (6) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐของ Conference Board หดตัวต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ที่ 102.3 (7) ทิศทางเศรษฐกิจจีนชะลอลงรุนแรงขึ้น โดยผลกำไรของภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ที่ -20.6% ต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ -21.4% (8) ดัชนี PMI ทางการจีนชะลอรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะภาคการผลิตที่เข้าสู่แดนลบเป็นเดือนที่สอง โดยอยู่ที่ 48.8 ต่อเนื่องจากเดือน เม.ย. ที่ 49.2 แต่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของ Caixin ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 50.9 จาก 49.5 ในเดือนก่อน (9) เงินเฟ้อยูโรโซนล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณคลี่คลายลงบ้าง โดยขยายตัว 6.1% ในเดือน พ.ค. ชะลอลงจาก 7.0% ในเดือน เม.ย. ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเริ่มชะลอลงเช่นกัน จาก 5.6% สู่ 5.3%
ตลาดหุ้นโลก• สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกทรงตัว จากตัวเลขตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้ตลาดกังวลว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แม้ว่ารองประธาน Fed ส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยจะยังไม่ถูกปรับขึ้นในครั้งนี้ ด้านรายงานจาก Fed Beige Book ระบุว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อในภูมิภาคทั่วสหรัฐเริ่มชะลอลง ด้านเศรษฐกิจจีนชะลอลงรุนแรงขึ้น จากผลกำไรของภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนี PMI ทางการจีนชะลอรุนแรงขึ้น ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลงบ้างจากข้อตกลงหนี้สาธารณะที่ผ่านสภาฯ แต่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากความเสี่ยงที่จากพันธบัตรที่จะออกมากขึ้น
ตลาดหุ้นไทย
• สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มากขึ้น ทั้งจาก (1) กนง. มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้น ดบ. นโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.0% และส่งสัญญาณขึ้นต่อเนื่อง ระบุเงินเฟ้อยังเสี่ยง แต่ลดคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้เหลือ 2.5% จาก 2.9% (2) ดัชนี MPI เม.ย.หดตัว -8.14% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ต่ำสุดในรอบ 34 เดือนตามทิศทางการส่งออกของไทยที่ชะลอตัว (3) ส่งออกไทย เม.ย. หดตัว -7.5% แรงกว่าคาดและต่อเนื่องเดือนที่ 7 จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกกระทบการส่งออกสินค้าภาคอุตสาหกรรม
ตลาดพันธบัตร
•ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 3.67% จากการผ่านเพดานหนี้สาธารณะ แต่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากความเสี่ยงที่กระทรวงการคลังจะออกพันธบัตรมากขึ้น ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงต่อเนื่องไปอยู่ที่ 4.44% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -77 bps•ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 2.50% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.09% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 8,852 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
•ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลงที่ 72.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มากขึ้น ด้านราคาทองคำ (spot) อยู่ที่ 1,981 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน•ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ทรงตัวที่ 104.1 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 139.6 เยน ด้านค่าเงินยูโรอ่อนลงเล็กน้อยที่ 1.07 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 34.74 บาท ขณะที่เงินหยวนอ่อนลงที่ระดับ 7.11 หยวน
