สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวขึ้นได้จาก (1) การที่ ธ. กลางสหรัฐ (Fed) คงดอกเบี้ยที่ 5.00-5.25% (ค่ากลาง 5.13%) แต่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง (2) ปรับเพิ่มประมาณการ GDP (1.0%) และปรับลดอัตราว่างงาน (4.1%) ปรับเพิ่มเงินเฟ้อ (3.9%) และปรับเพิ่มดอกเบี้ยปลายทาง (Terminal Rate) ที่ 5.6% (12 ใน 18 เสียง) บ่งชี้ ศก ร้อนแรง เงินเฟ้อสูง พร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อ โดยประธาน Fed ส่งสัญญาณ FOMC ส่วนใหญ่เห็นควรขึ้นดอกเบี้ยต่อเดือน ก.ค. แต่การประชุมจะยังเป็น “Live” และจะตัดสินใจ “Meeting by meeting” (2) เงินเฟ้อสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าคาด โดยขยายตัว 4% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 4.1% อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 5.3% ตามที่ตลาดคาด (3) เศรษฐกิจจีนขยายตัวชะลอกว่าที่คาดมาก โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน พ.ค. ขยายตัว 3.5% (ตลาดคาด 3.8% เดือนเม.ย. 5.6%) การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ขยายตัว 4.0% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 4.4% และเดือนก่อนที่ 4.7% ยอดค้าปลีก ขยายตัว 12.7% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 13.7% และเดือนก่อนที่ 18.4% ด้านอัตราว่างงานหนุ่มสาวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาอยู่ที่ 20.8% ของกำลังแรงงานรวม (4) ธ. กลางจีนปรับลดดอกเบี้ย 7 วัน และ 1 ปี ลง 0.1% ซึ่งเป็นการปรับลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือน (5) ธ. กลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี มาอยู่ที่ 3.5% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง บ่งชี้ว่าพร้อมที่จะปรับขึ้นต่อท่ามกลางค่าจ้างที่ยังขยายตัวร้อนแรง
ตลาดหุ้นโลก•สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวขึ้นได้จากการที่ ธ. กลางสหรัฐ (Fed) คงดอกเบี้ยในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิ.ย แต่ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้ง หลังจากมองว่าเศรษฐกิจร้อนแรงเกินคาดและเงินเฟ้อเป็นความเสี่ยง ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าคาด ด้านเศรษฐกิจจีนขยายตัวชะลอกว่าที่คาดมาก ทำให้ ธ. กลางจีนปรับลดดอกเบี้ย 7 วัน และ 1 ปี ลง 0.1% ท่ามกลางความเสี่ยงเงินฝืดและการว่างงานหนุ่มสาวที่อยู่ระดับสูง
ตลาดหุ้นไทย
•สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้อานิสงส์ตามกลุ่ม Tech ในสหรัฐ ขณะที่ ผลการประชุม FOMC ที่เป็น Hawkish pause (หยุดแต่ยังส่งสัญญาณพร้อมขึ้นต่อ) ประกอบกับความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยที่มากขึ้นจากนโยบายการเงินที่ยังคงจะตึงตัวต่อเป็นปัจจัยกดดันการลงทุน ขณะที่ ส.อ.ท. เปิดผลดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเริ่มลดลงจากความกังวลการเมืองหลังการเลือกตั้งไม่แน่นอน รวมถึงปัจจัยลบจากการส่งออกไทยที่ชะลอตัวต่อเนื่อง
ตลาดพันธบัตร•ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.82% จากประเด็นกระทรวงการคลังจะออกพันธบัตรมากขึ้นรวมถึงการที่ Fed ยังมองว่าเงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงต่อเนื่องไปอยู่ที่ 4.74% ตามการส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -92 bps•ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.62% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ปรับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.13%
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน•ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ทรงตัวที่ 103.07 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงที่ 141.1 เยน ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นที่ 1.08 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 34.82 บาท ขณะที่เงินหยวนอ่อนลงที่ระดับ 7.16 หยวน
