Wealth Weekend – มองเวลท์..รายวีค 28/04/2023

สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้ 

สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลดลงจากผลประกอบการไม่ดีนัก โดยเฉพาะรายงานจากธนาคารขนาดเล็กโดยเฉพาะธนาคาร First Republic พบเงินฝากไหลออกต่อเนื่องกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในเดือน มี.ค. ทำให้หลายฝ่ายกังวลความเสี่ยงของธนาคารขนาดเล็กรวมถึงภาพเศรษฐกิจมากขึ้น ด้านตัวเลขเศรษฐกิจออกมาผสมผสาน โดย (1) Flash PMI ของประเทศพัฒนาแล้วปรับตัวดีขึ้นจากภาคบริการเป็นหลัก โดยในสหรัฐ ดัชนี Flash Composite PMI เพิ่มขึ้นเป็น 53.5 จาก 52.3 ในเดือน มี.ค. ด้านดัชนี Flash Composite PMI ของยุโรปฟื้นขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นเป็น 54.4 สูงกว่าประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 53.7 (2) ดัชนีเศรษฐกิจชี้นำของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 โดยลดลง 1.2% สู่ 108.4 ในเดือน มี.ค. และลดลง -7.8% YoY ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดเศรษฐกิจถดถอยครั้งก่อน ๆ (3) คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (หักเครื่องบินและอาวุธ) หดตัว0.4% MoM ในเดือนมี.ค. ต่อเนื่องจากเดือนก.พ.ที่หดตัว 0.7% MoM (4) ราคาบ้าน (Case-Shiller Index) เดือน ก.พ. เทียบกับเดือนก่อนปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.2% MoM แต่ขยายตัว 2% ต่อปี ชะลอลงจาก 3.7% ในเดือนก่อน (5) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Conference Board ปรับลดลงต่ำที่สุดในรอบ 9 เดือนมาอยู่ที่ 101.3  จาก 104.0 ในเดือนเม.ย. (6) ดัชนี CDS ที่ใช้ประกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาอยู่ที่ 161.8  เช่นเดียวกับส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตร 1 และ 3 เดือนของสหรัฐที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หลังข้อเสนอของพรรค Republican ในการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะอีก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับหนี้ปัจจุบันที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ แลกกับการปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐที่ค่อนข้างเข้มงวดผ่านสภาล่าง แต่มีโอกาสน้อยที่จะผ่านสภาสูงและ/หรือประธานาธิบดี เนื่องจากในข้อเสนอให้มีการตัดรายจ่ายสำคัญ เช่น การพักหนี้การศึกษา สวัสดิการสุขภาพ (Medicaid) และคูปองช่วยเหลือค่าอาหาร (food stamp) ซึ่งเป็นจุดยืนของพรรค Democrat ทำให้โอกาสตกลงกันไม่ได้และผิดนัดชำระหนี้มีมากขึ้น ทั้งนี้ ทั้งสองพรรคมีเวลาที่จะเจรจาปรับเปลี่ยนกฎหมายการขยายเพดานหนี้ได้จนถึงเดือน มิ.ย.-ก.ค. ขึ้นอยู่กับการจัดเก็บรายได้จากภาษีเป็นสำคัญ ซึ่งมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน ทำให้มีความเสี่ยงที่เงินคงคลังของสหรัฐจะหมดลงเร็วกว่าคาด และ (7)ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1/23 ของสหรัฐขยายตัว 1.1% ต่ำกว่าคาดที่ 2% โดยภาคการลงทุนและการหดตัวของสินค้าคงคลังเป็นตัวฉุดรั้งสำคัญ

ตลาดหุ้นโลก

•สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลดลงจากผลประกอบการที่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็กที่เผชิญสถานการณ์เงินฝากไหลออก ด้านตัวเลขเศรษฐกิจออกมาผสมผสาน โดย Flash PMI ของประเทศพัฒนาแล้วปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ดัชนีเศรษฐกิจชี้นำของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 เช่นเดียวกับคำสั่งซื้อสินค้าคงทน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลง ขณะที่ดัชนี CDS ที่ใช้ประกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังโอกาสที่รัฐบาลสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้มีมากขึ้น

ตลาดหุ้นไทย
•สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามแรงขายของหุ้นขนาดใหญ่ที่รายงานผลประกอบการออกมาไม่ดี ขณะที่ปริมาณซื้อขายหุ้นขนาดเล็กลดลงตามแรงเก็งกำไรที่หายไป  ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจมีมากขึ้น โดยทาง สศค.ได้ปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือ 3.6% จาก 3.8% จากการคาดการณ์มูลค่าการส่งออกจะหดตัว -0.5% ขณะที่มูลค่าการส่งออกเดือนมี.ค. หดตัว -4.2%YoY ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ เตรียมปรับขึ้นราคา 10-20% จากต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งราคาวัสดุก่อสร้าง ขนส่ง ซึ่งจะกระทบต่อตลาดระดับล่างที่ลูกค้ามีกำลังซื้อต่ำ

ตลาดพันธบัตร
•ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 3.47% จากความเสี่ยงเศรษฐกิจและภาวะการเงินตึงตัวที่มีมากขึ้นหลังวิกฤตธนาคาร ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 3.97% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี ทรงตัวที่ -50 bps•ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ทรงตัวที่ 2.52% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 1.89% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 12,220 ล้านบาท

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

•ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลงที่ 77.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มีมากขึ้นขณะที่ดอกเบี้ยยังขึ้นต่อ ด้านราคาทองคำ (spot) ทรงตัวที่ 2,006 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม  Wealth weekend_InnovestX_230512 (1)