- โอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หลังประธานเฟด Dovish วางกลยุทธ์อย่างไร
- หุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1250 เลือกลงทุน theme ไหน
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นภายหลังงานสัมมนา Jackson Hole มีการส่งสัญญาณ Dovish ทำให้ตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. โดยประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ระบุความเสี่ยงต่อตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมุมมองต่อผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงการเปลี่ยนระดับราคาแบบครั้งเดียว ไม่ใช่แรงกดดันเงินเฟ้อต่อเนื่อง ปัจจัยดังกล่าวมีส่วนช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้น โดย S&P 500 ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งในสัปดาห์นี้ นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% จากการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของ AMD, Broadcom และ Nvidia แม้ว่าผลประกอบการจะได้รับแรงกดดันจากยอดขายในจีน ประเด็นการปลด Lisa Cook หนึ่งในผู้ว่าการ Fed และ FOMC voting member ซึ่งที่ผ่านมามีจุดยืนตรงกับประธาน Jerome Powell โดยย้ำความสำคัญของการควบคุมเงินเฟ้อ นำไปสู่ความกังวลต่อความเป็นอิสระของ Fed ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาล 10 ปีสหรัฐฯ มีโอกาสปรับขึ้น เนื่องจาก ปธน.ทรัมป์สามารถแต่งตั้งผู้ว่าการคนใหม่ซึ่งมีอำนาจร่วมในการกำหนดนโยบายดอกเบี้ย ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลงสะท้อนความกังวลต่อประเด็นการเมืองในประเทศฝรั่งเศส ตลาดหุ้น EM ปรับลดลงนำโดยตลาดหุ้นอินเดีย จากความกังวลการเริ่มบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 50% ด้านหุ้นเทคฯ จีนได้รับผลกระทบจากการแข่งขันในธุรกิจจัดส่งอาหารที่รุนแรง ตลาดหุ้นไทยทรงตัว โดยกลับมายืนเหนือ 1,250 จุด ในวันพฤหัส ก่อนจะรู้คำวินิจฉัยของศาลฯ ในคดีคลิปเสียงนายกฯ ราคาน้ำมันปรับขึ้น ภายหลังการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่คืบหน้า ตลาดกังวลสหรัฐฯ จะออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นโลกปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ (1) ตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ก.ย. เพิ่มเป็น 90% หลัง งานสัมมนา Jackson Hole ที่มีการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. (2) ปธน.ทรัมป์ ประกาศปลด Lisa Cook หนึ่งในของ FOMC member ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความเป็นอิสระของ Fed ในอนาคต (3) กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวดีขึ้นเป็น -1.1%YoY เทียบกับ -4.4% เดือนก่อน
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยทรงตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก (1)สภาผู้แทนฯ เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วมและ รฟม. ในวาระที่สาม และจะถูกส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป (2) การส่งออกของไทยในเดือน ก.ค. 2025 ขยายตัวที่ 11.0%YoY สูงกว่าตลาดคาดที่ 9.6% ด้วยแรงหนุนจากการส่งออกไปสหรัฐฯ (3) จํานวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ก่อน (18-24 ส.ค.) ลดลง 8.2%WoW และพบชะลอตัวในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ อินเดีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงที่ 4.21% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีทรงตัวที่ 3.63% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 58 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 1.31% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงที่ 1.14% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 2,357 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับขึ้น 2.7%WoW สู่ 68.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดกังวลสหรัฐฯ จะออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม และโครงสร้างพื้นฐานพลังงานรัสเซียถูกโจมตี ด้านราคาทองคำ (Spot) ปรับขึ้น 2.3%WoW สู่ 3,415.96 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงที่ 97.9 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งขึ้นที่ 147.0 เยน ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเป็น 1.17 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าที่ 32.27 บาท ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าที่ระดับ 7.15 หยวน
