สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นกลุ่ม DM อ่อนตัวลง แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต้นสัปดาห์ หลังตลาดเริ่มรับรู้ข่าวการกลับมาเปิดหน่วยงานราชการ โดยล่าสุด ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามร่างกฎหมายงบชั่วคราวถึง 30 ม.ค. 2026 ยุติภาวะ government shutdown ที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ทำให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถกลับมาเปิดทำการได้ อย่างไรก็ตามตลาดผันผวนมากขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลรายงานสำคัญอาจต้องใช้เวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ เนื่องจากงานค้างสะสมจำนวนมาก และทำให้เฟดอาจตัดสินใจยากมากขึ้นในการประชุมเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ ล่าสุดตลาดปรับลดความคาดหวังโอกาสการลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 50% จาก 63% และ 96% ใน สัปดาห์/ 1 เดือนก่อน นอกจากนั้นยังเริ่มเห็นการปรับสถานะจากหุ้นเติบโตมาสู่หุ้นเชิงรับ โดยความกังวลอยู่ในหุ้นกลุ่มเทคฯ ในธีม AI ที่ปรับขึ้นมาแรง ทำให้มีมูลค่าตึงตัวยังคงอยู่ โดยกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 0.2% WoW นำโดยลุ่มเซมิฯ ส่วนกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง 0.8% WoW นำโดยกลุ่มยานยนต์ จากยอดขายที่ชะลอตัวลงและการแข่งขันในจีน โดยตลาดหันไปให้น้ำหนักกลุ่มเชิงรับอย่าง Healthcare ที่ปรับเพิ่มขึ้นเด่น 4.6% WoW ตลาดหุ้น EM ฟื้นตัวได้ดีกว่า DM นำโดยตลาดหุ้นเกาหลี อินเดีย และฮ่องกง โดยผลประกอบการหุ้นเทคฯ จีนดีกว่าคาด ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อจีนกลับมาเป็นบวกที่ 0.2% ใน ต.ค. จากอุปสงค์ช่วงวันหยุด Golden Week ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าภูมิภาค แม้ผลประกอบการในช่วงต้นจะออกมาดีกว่าคาด แต่ช่วงท้ายกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคกลับรายงานตัวเลขการใช้จ่ายที่ยังสะท้อนความระมัดระวังของผู้บริโภคในประเทศ ทำให้มีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มค้าปลีก ราคาน้ำมันอ่อนตัวจากความกังวลภาวะอุปทานส่วนเกินจะเพิ่มขึ้นในปี 2026
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1) ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามร่างกฎหมายงบชั่วคราวถึง 30 ม.ค. 2026 ยุติภาวะ government shutdown ที่ (2) รายงานนโยบายการเงินไตรมาส 3 ของ PBOC มีท่าทีที่ลดการผ่อนคลายลง (3) รายงานการจ้างงานรายสัปดาห์ของ ADP ระบุว่า นายจ้างเอกชนสหรัฐฯ ลดพนักงานเฉลี่ย 11,250 ตำแหน่งต่อสัปดาห์ ในช่วง 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค.
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างออกแบบโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เฟส 2 เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนที่พลาดสิทธิในเฟสแรก (2) รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า สมาคมสายการบินประเทศไทยได้เสนอให้ชะลอการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการบิน ทั้งค่าบริการการเดินอากาศและค่าธรรมเนียมใช้สนามบินของผู้โดยสารขาออก เพื่อบรรเทาภาระต้นทุน
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นที่ 4.11% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีปรับขึ้นที่ 3.59% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 52 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับตัวลงที่ 1.76% ส่วนระยะสั้น อายุ 2 ปีปรับตัวลงสู่ 1.36% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 2,740 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับลง 0.58%WoW สู่ 63.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล OPEC ปรับลดคาดการณ์ตลาดน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะเกินดุลในปี 2026 สอดคล้องกับ IEA ที่คาดจะเกินดุลสูงถึง 4 MBD ราคาทองคำ (Spot) เพิ่มขึ้น 4.88%WoW สู่ 4171.15 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ทรงตัวที่ 99.22 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนลงที่ 154.55 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.16 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนค่าเงินบาททรงตัวที่ 32. 3 บาทต่อดอลลาร์ และค่าเงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.11 หยวน