By INVX Investment Products & Strategy
6 ตุลาคม 2025
ชัยชนะของ Takaichi: จุดเปลี่ยนเชิงนโยบายครั้งใหญ่ของญี่ปุ่น
นาง Sanae Takaichi ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค LDP อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2025 ชนะ Shinjiro Koizumi ด้วยคะแนน 185 ต่อ 156 เสียง เตรียมขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น เธอเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสาร รวมถึงรัฐมนตรีด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และเป็นผู้สนับสนุนนโยบาย Abenomics ที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังและการเงินแบบผ่อนคลาย
นางทาคาอิชิระบุว่า “รัฐบาลต้องขับเคลื่อนนโยบายการคลังเชิงรุก เพื่อฟื้นเศรษฐกิจและยกระดับรายได้ประชาชน” ขณะเดียวกัน เธอเน้นว่า เป้าหมายหลักคือการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงการรักษาสมดุลงบประมาณ
นโยบายเศรษฐกิจ “Sanaenomics”: Pro-Growth + Monetary Easing
🔹 นโยบายของนาง Sanae Takaichi สะท้อนแนวทาง Pro-Growth ที่ผสมผสาน Fiscal Expansion กับ Monetary Easing เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับรายได้ประชาชน เธอสนับสนุนการใช้จ่ายภาครัฐเชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยระบุว่า “เป้าหมายหลักคือการเติบโต ไม่ใช่การรักษาสมดุลงบประมาณ” แต่ขณะเดียวกันก็ย้ำว่าจะดำเนินนโยบายภายใต้กรอบ “ความรับผิดชอบทางการคลัง (Responsible Fiscal Policy)” เพื่อรักษาเสถียรภาพในระยะยาว
🔹 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (คาดว่าจะบรรจุในงบประมาณเพิ่มเติมปีงบประมาณ 2025: เม.ย. 2025 – มี.ค. 2026)
• ยกเลิกภาษีน้ำมันชั่วคราว เพื่อบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพ
• สนับสนุนครัวเรือนรายได้ต่ำ–กลาง เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
• เพิ่มค่าจ้างบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อบรรเทาค่าครองชีพและรักษากำลังซื้อในภาคบริการ
โดย Goldman Sachs ประเมินว่างบประมาณของมาตรการเหล่านี้จะอยู่ในระดับต่ำกว่า 0.5% ของ GDP
🔹 นโยบายการเงิน
นาง Takaichi ระบุว่า Bank of Japan (BoJ) ควรคงท่าทีผ่อนคลายและสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ตามมาตรา 4 ของ พ.ร.บ. BoJ นักวิเคราะห์มองว่า หากรัฐบาลเดินหน้าขยายการคลังต่อเนื่อง อาจเพิ่มแรงกดดันให้ BoJ ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นต้นปี 2026 เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตและเสถียรภาพทางการเงิน
🔹 ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์
รัฐบาล Takaichi ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยมุ่งเสริมความสามารถในการพึ่งพาตนเองของประเทศ ผ่านการลงทุนใน อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง (AI และ Semiconductor), พลังงานนิวเคลียร์, การป้องกันประเทศ (Defense) และ โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจญี่ปุ่นระยะต่อไป
🔹 ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และนโยบายการค้า
นาง Takaichi ยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงข้อตกลงทางการค้าปัจจุบันกับสหรัฐฯ แต่พร้อมแสดงจุดยืนของญี่ปุ่นหากการดำเนินงานไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศ เธอมุ่งเสริมความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ ในด้าน ความมั่นคงทางพลังงานและการป้องกันประเทศ รวมถึง ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Resilience) เพื่อเพิ่มอิทธิพลของญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
Market Reaction
• ตลาดมองบวกต่อแนวทาง Pro-Stimulus ทำให้หุ้นญี่ปุ่นโดยเฉพาะกลุ่ม Tech, Defense, และ Infrastructure ได้แรงหนุน
• ค่าเงินเยน (JPY) มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง จากท่าทีจากการสนับสนุนท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงิน
• Goldman Sachs Japan ระบุว่า การชนะของ Takaichi จะเอื้อต่อ sentiment ตลาดหุ้น และกดดันค่าเงินเยนให้อยู่ในโซนอ่อนค่าต่อไป
ความเสี่ยงทางการเมืองและการบริหารที่ต้องติดตาม
• แม้พรรค LDP จะยังคงเป็นพรรคที่มีจำนวน ส.ส. มากที่สุดในสภา แต่ถือว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย (Minority Government) ส่งผลให้รัฐบาลภายใต้การนำของ Takaichi ต้องอาศัยการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านในการผลักดันร่างกฎหมายและงบประมาณ
• การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 15 ตุลาคม 2025 จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจสร้างแรงกดดันต่อความต่อเนื่องของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น (อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลสามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจนได้เสียงข้างมากในสภา จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพทางการเมืองและความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจในระยะต่อไป)
Implications ต่อการลงทุน
• ชัยชนะของ Takaichi เป็น “จุดเปลี่ยน Pro-Growth Shift” ของญี่ปุ่น คล้ายช่วงต้นยุค Abenomics
• นโยบายการคลังเชิงรุกและการส่งสัญญาณต่อการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายจะหนุนโมเมนตัมหุ้นญี่ปุ่น
• ค่าเงินเยนอ่อนค่าช่วยเพิ่มความสามารถแข่งขันของผู้ส่งออก
• หุ้นกลุ่ม Tech / Defense / Construction / Nuclear Energy ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐ
• หุ้นธนาคารญี่ปุ่นอาจถูกกดดันระยะสั้นจากผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง กดดันต่อกำไร
มุมมองการลงทุน
• เราประเมินว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังได้แรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้แนวทาง “Sanaenomics” ซึ่งผสาน Fiscal Expansion เข้ากับ Monetary Easing อย่างไรก็ตาม ตลาดได้ priced in ความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการบางส่วนไปแล้ว
• กลยุทธ์เน้น Selective Accumulation ในหุ้นที่มีโอกาสได้รับประโยชน์โดยตรงจากการผลักดันอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของรัฐบาล Takaichi โดยเฉพาะกลุ่ม เทคโนโลยี (AI และเซมิคอนดักเตอร์) รวมถึง Defense & Infrastructure ที่คาดว่าจะได้รับแรงขับเคลื่อนจากเม็ดเงินลงทุนภาครัฐ
• โดยรวม เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นเทคญี่ปุ่น ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่งและสอดคล้องกับธีมที่รัฐบาล Takaichi ผลักดัน แต่ควรรอจังหวะ ซื้อเมื่อราคาย่อตัว (Buy on Dip) ซึ่งอาจอยู่ในช่วงระหว่างวันนี้ ถึงการโหวดนายกฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ตุลาคม 2025 เนื่องจากราคาปัจจุบันได้ปรับขึ้นตอบรับความคาดหวังไปมากแล้ว